สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่เผยแผนส่งเสริมตลาดปลุกการท่องเที่ยวเชียงใหม่ฟื้นตัว

สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่เผยแผนส่งเสริมตลาดปลุกการท่องเที่ยวเชียงใหม่ฟื้นตัว

สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่เผยแผนจัดกิจกรรมพิเศษฉลอง 725 ปีเมืองเชียงใหม่ เป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มอีก 1 ล้านคนเพื่อสร้างรายได้ 1.2 แสนล้านบาทต่อปี ชี้ต้องฟื้นฟูอนุรักษ์ประเพณีท้องถิ่นและยกระดับสู่มาตรฐาน

เมื่อวันที่ 24 ต.ค.62 ที่โรงแรมเชียงใหม่ฮิลล์ คณะกรรมการบริหารสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวชียงใหม่ นายดำรงค์  องอาจ  นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานประชุมใหญ่สามัญประจำปี โดยมีวาระสำคัญ คือ การแถลงผลงาน การเสนอแผนโครงการปี 2563 และชี้แจงบัญชีรายรับ-รายจ่ายของสมาคม มี พล.ต.ต.ปชา  รัตนพันธุ์  อุปนายกสมาคม  พ.ต.ท.ณัฐวิทย์  ใจชื่นชม สารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่ พร้อมคณะกรรมการบริหาร สมาชิก และตัวแทนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ เข้าร่วมกว่า 100 คน

ทั้งนี้ในที่ประชุมได้สรุปแผนโครงการ และกิจกรรมส่งเสริมท่องเที่ยว ว่า จะฟื้นฟูอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น  อาทิ งานประเพณีเดือนยี่เป็ง หรือลอยกระทง งานป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง หรือล้านนามหาสงกรานต์  งานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ เพื่อยกระดับเป็นงานระดับอาเซียน หรือเข้าสู่มาตรฐานสากลมากขึ้น และมีกิจกรรมท่องเที่ยวตลอดปี โดยเฉพาะปี 2564 หรือ 2 ปีข้างหน้า ที่ครบรอบ 725 ปีเมืองเชียงใหม่ มีแผนจัดกิจกรรมพิเศษ โดยมีเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มอีก 1 ล้านคน จากปีละ 9 ล้านคน เป็น 10 ล้านคน/ปี เพื่อสร้างรายได้ 120,000 ล้านบาท/ปี

นายดำรง องอาจ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่ กล่าวว่า สำหรับแผนการดำเนินงานของสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่ปี 2562-2563 จะมีทั้งกิจกรรมส่งเสริมการตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยการส่งเสริมตลาดภายในประเทศจะมีโรดโชว์ที่กรุงเทพฯในช่วงเดือนพฤษภาคม 2563 ทั้งนี้กรุงเทพฯเป็นพื้นที่ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็น Travel Agency ในกลุ่ม Inbound และ Domestic            โดยสมาคมฯจะขอความร่วมมือไปยัง ATTA หรือสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยวและสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศหรือ สทน.

นอกจากนี้ประมาณปลายเดือนสิงหาคมหรือต้นเดือนกันยายน จะมีกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะจัดให้สมาชิกไปงานโรดโชว์ที่ประเทศจีน โดยมุ่งไปที่คุนหมิงและเมืองผานโจว มณฑลกุ้ยโจว โดยเฉพาะที่กุ้ยโจวถือเป็นตลาดใหม่ของจังหวัดเชียงใหม่ในอนาคตด้วย และนอกจากนี้ในช่วงเดือนมีนาคม 2563 ทางสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่จะมีการจัดงานสมาชิกสัมพันธ์ เพื่อให้สมาชิกได้พบปะสังสรรค์และทำความรู้จักกัน โดยให้สมาชิกนำสินค้าการท่องเที่ยวของสมาชิกมาแนะนำต่อสมาชิกด้วยกัน หลังจากนั้นจะมีการจัดเลี้ยงสังสรรค์เพื่อจัดหารายได้ให้กับสมาคมฯด้วย

นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่ กล่าวว่า สำหรับภาพรวมการท่องเที่ยวในปีนี้ถือว่าดีกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์ต่างๆ เอื้ออำนวย ทั้งภายในและนอกประเทศ และคู่แข่งอย่างกัมพูชา เวียดนามและญี่ปุ่นตลาดก็เริ่มอิ่มตัว นักท่องเที่ยวเริ่มเวียนกลับมาที่ไทยและขึ้นมาเที่ยวเชียงใหม่มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เชียงใหม่ยังเป็นตลาดที่น่าสนใจและมีการขยายตลาดเพิ่มขึ้นโดยดูจากเที่ยวบินที่บินตรงเข้ามามีบินตรงจากเมืองใหม่ๆ จากจีนเข้าเชียงใหม่ ดังนั้นในส่วนของภาคธุรกิจท่องเที่ยวจะต้องมีการเตรียมความพร้อมไว้ทุกด้านทั้งการทำแพ็คเกจทัวร์ ทั้งพัฒนาสินค้าให้ได้คุณภาพและมาตรฐาน ร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกต่างๆ รวมถึงบริษัทนำเที่ยวก็ต้องเป็นบริษัทที่จดทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวที่ถูกต้องด้วย เพราะเราจะต้องทำการตลาดเพื่อรับท่องเที่ยวให้มาพำนักให้นานขึ้น ไม่ใช่แค่ 2-3 วันเหมือนเดิม

“เชียงใหม่ยังมีมนต์เสน่ห์และมีจุดขาย โดยเฉพาะเรื่องของวัฒนธรรมซึ่งถือเป็นจุดเด่นของเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาตอนนี้ไม่ใช่ตลาดล่างเหมือนช่วงแรกๆ และเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนตลาดระดับกลางถึงบน ซึ่งการท่องเที่ยวของตลาดกลุ่มนี้จะชอบการเข้าไปท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสวิถีชีวิต วัฒนธรรมในชุมชน ซึ่งก็ตรงกับที่มีการส่งเสริมท่องเที่ยวชุมชน และจะตรงข้ามกับอดีต การท่องเที่ยวที่ยั่งยืนไม่ใช่ไปอพยพคนจากพื้นที่สูงมาอยู่ในเมืองเพื่อให้นักท่องเที่ยวไปดู แต่นักท่องเที่ยวอยากเข้าไปดูและสัมผัสวิถีชีวิต วัฒนธรรมในชุมชนเอง หน่วยงานภาครัฐก็ส่งเสริมพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชนให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน ซึ่งก็เป็นการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างแท้จริงด้วย”นายดำรง กล่าวและชี้แจงอีกว่า

ในช่วงเทศกาลลอยกระทงหรือยี่เป็งปีนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวอาจจะไม่มากเหมือนในอดีต ส่วนหนึ่งมาจากเรื่องของการห้ามปล่อยโคมลอยในเขตความปลอดภัยการเดินอากาศ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่หรือเขตเมือง ทำให้ผู้ประกอบการนำเที่ยวไม่กล้าขายทัวร์ แม้ว่าขณะนี้จะมีหลายส่วนออกไปจัดนอกเมืองที่อยู่นอกเขตห้ามแล้ว แต่อย่างไรตนก็มองว่าจะมีกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่เข้ามาทดแทน ซึ่งช่วงเทศกาลนี้ก็จะมีนักท่องเที่ยวแยกเป็น 2 กลุ่มคือกลุ่มที่มาเที่ยวช่วงเทศกาล 3-4 วันกลุ่มนี้ก็จะพักในเมือง และอีกกลุ่มเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องการเห็นและสัมผัสวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่แท้จริง กลุ่มนี้จะมาเที่ยวระยะยาวกว่าและออกไปท่องเที่ยวตามชุมชนต่างๆ  และแม้จะไม่มีโคมลอยในเขตเมืองตนก็คิดว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบให้นักท่องเที่ยวลดลง และส่วนตัวก็เห็นด้วยที่ควรจะมีการจัดโซนนิ่งให้ชัดเจน กำหนดวัน เวลาในการอนุญาต ซึ่งก็ต้องคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมด้วย.

You may also like

เครือข่ายแรงงานภาคเหนือลั่นสู้ พร้อมรวมพลังทวงคืนความมั่งคั่งจากนายทุน

จำนวนผู้