เปิดศูนย์ Thai-China CBEC และเปิดตัวแพลตฟอร์ม SINO Thai Mart.com และ CIC Mall ด้วยรูปแบบการค้า Cross-border- e-commerce ดันสินค้า SMEs ไทย บุกตลาดจีน

เปิดศูนย์ Thai-China CBEC และเปิดตัวแพลตฟอร์ม SINO Thai Mart.com และ CIC Mall ด้วยรูปแบบการค้า Cross-border- e-commerce ดันสินค้า SMEs ไทย บุกตลาดจีน

เปิดศูนย์ Thai-China CBEC และเปิดตัวแพลตฟอร์ม SINO Thai Mart.com และ CIC Mall ด้วยรูปแบบการค้า Cross-border- e-commerce ดันสินค้า SMEs ไทย บุกตลาดจีน รองกงสุลใหญ่จีน ประจำเชียงใหม่เผยจีนยังรักษาตำแหน่งคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทยมาหลายปี ในปี 2567 ปริมาณการค้าทวิภาคีของจีนและไทยอยู่ที่ 133,981.5 ล้าน US เพิ่มขึ้น 6.1% โดยอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ผอ.ศูนย์ CBEC Incubation Center and BI Unit ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายผ่านแพลตฟอร์มจากเดิมเป็น 100%

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.68 ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นางหลี่ จิง รองกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์ องค์กร หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) , ดร.ดนัยธัญ พงษ์พัชราธรเทพ ผอ.ศูนย์ CBEC Incubation Center and BI Unit และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรรฆพร ก๊กค้างพลู (หัวหน้าโครงการฯ) ได้ร่วมกันเปิดศูนย์ Thai-China CBEC Incubation Center and BI Unit และเปิดตัวแพลตฟอร์มการค้าและการลงทุนไทย-จีน โดยมีแขกผู้มีเกียรติ ผู้ประกอบการ นักศึกษาและผู้สนใจเข้าร่วมงานดังกล่าว

นางหลี่ จิง รองกงสุลใหญ่จีน ประจำเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และเศรษฐกิจดิจิทัล การค้าระหว่างประเทศผ่านอีคอมเมิร์ชได้กลายมาเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสำหรับการค้าระหว่างประเทศ จีนยังคงรักษาตำแหน่งคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทยมาหลายปี ในปี 2567 ปริมาณการค้าทวิภาคีของจีนและไทยอยู่ที่ 133,981.5 ล้าน US เพิ่มขึ้น 6.1% โดยอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

“ไทยประสบความสำเร็จในการขายมูลค่า 4,000 ล้านบาทให้กับจีนภายใน 2 วันผ่านอีคอมเมิร์ชไลฟ์สด นอกจากนี้ยังมีอีคอมเมิร์ชไลฟ์สดเพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวของไทยให้กับนักท่องเที่ยวจีน โดยมีผู้เยี่ยมชมมากกว่า 20 ล้านคน และยอดขายมากกว่า 100 ล้านบาทในกิจกรรมเดียว สำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย อีคอมเมิร์ชข้ามพรมแดนไม่เพียงแต่เป็นช่องทางที่รวดเร็วในการเข้าสู่ตลาดผู้บริโภคจีนที่มีมูลค่า 1,400 ล้านคนในประเทศจีนเท่านั้น แต่ยังเป็นเส้นทางสำคัญในการบรรลุการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและเพิ่มขีนความสามารถในการแข่งขันในระดับนานาชาติอีกด้วย”นางหลี่ จิง กล่าวและว่า

จีน-ไทย มีมิตรภาพยาวนานและความร่วมมือเชิงปฏิบัติที่มีรากฐานที่มั่นคง เรายินดีที่จะทำงานร่วมกับฝ่ายไทยเพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านดิจิทัลขององค์กร ร่วมมือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การกำกับดูแลตลาดอีคอมเมิร์ช และร่วมกันศึกษาประเด็นใหม่ในยุคอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ยังยังว่าศูนย์ Thai-Chaina CBEC Incubation Center and BI Unit และแพลตฟอร์มการค้าและการลงทุนไทย-จีนเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการค้าและการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีนและจะเจริญก้าวหน้าและประสบความสำเร็จในเร็ววัน

ด้านดร.ดนัยธัญ พงษ์พัชราธรเทพ ผอ.ศูนย์ CBEC Incubation Center and BI Unit เปิดเผยว่า ศูนย์ Thai-China CBEC Incubation Center and BI Unit ก็เป็นเหมือนกับศูนย์บ่มเพาะที่รวบรวมเอาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการตลาดจีน ความต้องการหรือว่าพฤติกรรมของคนจีนในตลาดมาให้กับผู้ประกอบการไทยได้ทำความเข้าใจรู้จัก แล้วก็ปรับปรุงพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการเหล่านั้นให้ได้มากที่สุด รวมไปถึงมี แพลตฟอร์ม(platform) เพื่อทำให้ได้ทดลองเข้าสู่ตลาดจีนได้ง่ายขึ้นรวดเร็วขึ้น รวมไปถึงการให้แนวทางในการทำดิจิตอล marketing การตลาดจีนซึ่งน่าจะเป็นช่องทางที่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ทุกอย่างขึ้นไปอยู่บนโลกของดิจิตอล

“เป้าหมายจริงๆ ก็คือเพื่อทำให้ตลาดจีน ซึ่งเมื่อก่อนเป็นเหมือนกับกล่องดำ จะเป็นสิ่งที่ค่อยๆ คลี่ออกมาแล้วทำให้สินค้าของไทยที่มีคุณภาพเข้าสู่ตลาดจีนได้มากขึ้น เพราะฉะนั้นความเป็นไปได้ในการที่จากเดิมที่เราเข้าสู่ตลาดจีน อาจจะไปได้ในจำนวนไม่เยอะ หรือว่าต้องเป็นรายใหญ่จริงๆ ถึงจะไปได้ เมื่อเรามีระบบการบ่มเพาะแบบนี้เกิดขึ้น ความเป็นไปได้มันก็จะเพิ่มมากขึ้น โอกาสที่จะทำให้สินค้าที่ดีๆ เข้าสู่ตลาดจีนก็จะมากขึ้นตามไปด้วย” ตรงนี้แหละคือสิ่งที่ผมคิดว่าตอบโจทย์ในเรื่องของเชิงเศรษฐกิจได้ดี ทั้งในประเด็นของปริมาณก็คือในส่วนของปริมาณของสินค้า ประเภทของสินค้าที่จะเข้าสู่ตลาดจีนได้มากขึ้น ทั้งในเชิงของมูลค่าของทางเศรษฐกิจที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นได้ด้วย”ผอ.ศูนย์ CBEC Incubation Center and BI Unit กล่าวและว่า

เนื่องจากแพลตฟอร์มที่เราดีไซน์ ก็เป็นรูปแบบของการค้าแบบ cross- boder -e- commerce ซึ่งในปีที่ผ่านมา ก็การส่งส่งออกไปจีน ความจริงก่อนหน้านี้เรามีรูปแบบของการทำตรงนี้มาหลายปีแล้ว ในช่วงก่อนเอาเป็นว่าตั้งแต่ก่อนโควิดก็แล้วกันเราก็มีแพลตฟอร์มแบบนี้ ประกอบกับนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเยอะมาก ทำให้เขารู้จักสินค้าเรา แล้วพอเรามีระบบออนไลน์ให้บริการเขาก่อนโควิดเรามีมูลค่าการซื้อขายต่อเดือนเนี่ยประมาณ 7,000-8,000 บาท เลยของ SME นะซึ่งเราถือว่าเราพอใจมาก แต่พอสถานการณ์โควิดเกิดขึ้นก็ทำให้ช่องทางที่ใช้มันไม่สามารถใช้ได้ เพราะมันติดเรื่องของการขนส่งข้ามประเทศ ซึ่งตอนนั้นมันปิดหมดเลย พอหลังสถานการณ์โควิดมาแพลตฟอร์มมันเปลี่ยน ตอนนี้เราอยู่ในระหว่างการพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ๆ ซึ่งที่ผ่านปีที่ผ่านมาเราก็มียอดขายอยู่ประมาณต่อเดือนในหลักพันอยู่ อย่างไรก็ตามเราตั้งเป้าหมายการบุกตลาดอีคอมเมิร์ชของจีนเพิ่มจากเดิม 10 % เป็น 100%ใน 1 ปีหรือประมาณ 10 ล้านบาทต่อเดือน.

You may also like

รวบปลัดจอมแฉ รีดหัวคิวบัตรชมพู

จำนวนผู้