ททท.เมืองสามหมอกเปิดประสบการณ์พานักท่องเที่ยวและนักวิ่งจากทั่วสารทิศร่วมกิจกรรม วิ่งฝ่าสายหมอก สัมผัสหนาวแรกกับ “Pai Haif Marathon 2018”ชมและสัมผัสวิถีชีวิตชนเผ่าลาหู่ที่บ้านจ่าโบ่ อ.ปางมะผ้า
หลังจากที่กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศว่าขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวแล้วความรู้สึกแรกคือ อยากไปสัมผัสกับอากาศหนาว จิบกาแฟ ชมวิว ที่สำคัญคือได้ทำกิจกรรมกับสิ่งที่เราชอบ ด้วยเหตุนี้เมื่อน้องๆ ชวนไปวิ่งงาน “Pai Haif Marathon 2018 อาทิตย์ที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมาจึงตอบรับทันที เช้าวันเสาร์เราจึงออกเดินทางไปแม่ฮ่องสอน ใช้เส้นทางเชียงใหม่-แม่มาลัย-ปาย ไปกันแบบชิลล์ๆ แวะจิบกาแฟข้างทาง ซึ่งมีร้านน่านั่งกินลมชมวิวอยู่หลายจุด
เป้าหมายแรกของเราไปที่บ้านจ่าโบ่ อ.ปางมะผ้า หนึ่งในอีกหลายๆ แห่งที่เป็นแลนด์มาร์คของแม่ฮ่องสอนที่เรายังไม่เคยไป มาถึงบ้านจ่าโบ่ยังไม่เที่ยง อาจเพราะหลายคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ ทั้งมาวิ่งและมาเที่ยวในคราวเดียวกัน วันนี้ที่บ้านจ่าโบ่จึงคึกคักทั้งโฮมสเตย์ที่คนในชุมชนซึ่งเป็นชนเผ่าลาหู่หรือมูเซอนี้จัดเตรียมให้แขกผู้มาเยือนได้พักผ่อนและสัมผัสวิถีชีวิต กับบรรยากาศอย่างใกล้ชิด บางคนแม้จะซื้อชุดลาหู่มาสวมใส่เดินเที่ยวก็ยังมองออกมาว่าเป็นนักท่องเที่ยวอยู่ดี
เมื่อมาก่อนเวลาจึงมีคนร่วมเป็นลูกมือทำอาหารมื้อเที่ยงกับเจ้าของบ้านไปด้วย เมนูวันนี้มีต้มผักกาดใส่ไก่ ผัดฟักทองใส่ไข่ น้ำพริกลาหู่ทานกับฟักทองนึ่งและแตงกวา(ยักษ์) ที่ขาดไม่ได้คือ ไข่เจียว เมนูพื้นฐานสำหรับคนที่ทานอะไรยากๆ(มั้ง) แต่ที่อร่อยสุดน่าจะเป็นข้าวดอย เม็ดอ้วนๆ ฟูๆ นิ่มๆ หอมอร่อยร้อนๆ หากมัวทานเพลินจะจุกจนดื่มน้ำไม่ได้เชียวแหละ
หลังอาหารกลางวัน ระหว่างย่อยอาหารก็ชมงานฝีมือของคนในชุมชน ผู้หญิงก็จะใช้เวลาว่างจากทำสวน ทำไร่มาเย็บปักเสื้อผ้า ซึ่งเป็นงานฝีมือที่ละเอียดและสวยงาม ผู้ชายก็จะเป็นงานจักสาน รวมทั้งทำเครื่องดนตรีชนเผ่าเอาไว้ขายและแสดงในงานประเพณีของชุมชน จากนั้นคณะเราก็ไปปีนเขาเข้าถ้ำผีแมนที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านจ่าโบ่มากนัก ออกจากถ้ำก็มานั่งจิบกาแฟ กินลม ชมวิว แทบไม่น่าเชื่อว่าบ่ายๆ แสงแดดจ้าแต่อากาศกลับเย็นสบาย ท้องฟ้าโปร่ง มองเห็นสีท้องฟ้าสวยงามตัดกับสีเขียวของต้นไม้ในทิวเขาที่เรียงรายสลับซับซ้อนกันไป
บ่ายสี่โมงกว่าออกจากบ้านจ่าโบ่ไปยังอ.ปาย เข้าพักที่เบลล์ วิลล่า รีสอร์ท ปาย เดิมจะไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่กองแลน ซึ่งเป็นสถานทีท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเนื่องจากการทรุดตัวของดินบนภูเขาสูงที่ถูกกัดเซาะเป็นร่องลึกคล้ายหน้าผาและยังเป็นจุดชมวิวธรรมชาติ แต่ด้วยที่เข้าสู่ฤดูหนาวเวลากับพระอาทิตย์ช่างไม่สัมพันธ์กัน ทำให้เราพลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย
หลังมื้อเย็น เราจึงไปเดินเล่นที่ถนนคนเดินปาย ไม่ต้องบอกว่าเพลานี้ผู้คนจะมากแค่ไหน อากาศยามค่ำของปายในช่วงต้นฤดูหนาว ทำให้นักท่องเที่ยวเดินเที่ยว ชม ชิม ช้อปกันอย่างสนุกสนาน เพลิดเพลิน ถ้าไม่ติดว่าพรุ่งนี้จะตื่นแต่เช้ามืดไปวิ่งก็คงต้องใช้เวลาอยู่ที่ถนนคนเดินอีกนานโข แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสหน้า ที่เราจะไม่พลาดอย่างแน่นอน
ตีสี่ครึ่งตื่นขึ้นมาในเช้าวันที่ 4 พ.ย.มุ่งหน้าไปยังสะพานประวัติศาสตร์ จุดสตาร์ทและเข้าเส้นชัยของงานวิ่ง “Pai Haif Marathon 2018 แม้จะเป็นงานวิ่งที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยรายได้ส่วนหนึ่งมอบให้กับโรงพยาบาลปายเพื่อใช้จัดซื้อวัสดุทางการแพทย์ แต่ก็ได้รับการตอบรับจากนักวิ่งที่มาจากหลากหลายที่คณะผู้จัดงานบอกว่าปีหน้าจะจัดขึ้นอีกแน่ๆ แต่เท่าที่ฟังเสียงนักวิ่งต่างถิ่น หลายคนชื่นชอบบรรยกาศมาก เช้าๆ มีหมอกโปรยปรายเหมือนละอองฝน หนาวยะเยือกแต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการวิ่ง แม้เส้นทางวิ่งจะขึ้นๆ ลงๆ เนินเขาเนื่องจากสภาพพื้นที่แต่ด้วยน้ำใจ ไมตรีของพี่น้องที่อาศัยอยู่ตลอดสองฝั่งเส้นทางที่มายืนให้กำลังใจ แจกน้ำและส่งเสียงเชียร์ ก็ทำให้บรรดาเหล่านักวิ่งทั้งหลาประทับใจไปตามๆ กัน ปายในวันนี้จึงไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวที่ลือชื่อแต่เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวเชิงกีฬาได้ดีไม่แท้ที่อื่นๆ เหมือนกัน.