ไฟไหม้ป่าเชิงดอยสุเทพหลังห้วยตึงเฒ่ายาวไปถึงกองพลทหารราบที่ 7 ตะลึงเกิดเหตุซ้ำปี 63 ทั้งวัน เวลาและสถานที่

ไฟไหม้ป่าเชิงดอยสุเทพหลังห้วยตึงเฒ่ายาวไปถึงกองพลทหารราบที่ 7 ตะลึงเกิดเหตุซ้ำปี 63 ทั้งวัน เวลาและสถานที่

แปลกแต่จริง ไฟไหม้ป่าเชิงดอยสุเทพ รอบที่ 3  ครั้งนี้ด้านหลังห้วยตึงเฒ่าต่อเนื่องถึงกองพลทหารราบที่ 7 ที่ตั้งศูนย์ฯไฟป่ากองทัพภาค 3 วัน เวลาและสถานที่ตรงกับปี 63 ที่ไฟผลาญพื้นที่กว่า 80 ไร่ โดยมีการระดมกำลังเดินเท้าเข้าดับภาคพื้นดิน พร้อมขอเฮลิคอปเตอร์สนับสนุนขึ้นบินโปรยน้ำ ล่าสุดยังต้องเร่งควบคุมสถานการณ์ ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพิ่งสั่งงดบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่าทั้งหมด และหากพบลักลอบเผาต้องดับให้ได้ภายในวันเดียว รวมทั้งตั้งรางวัลนำจับมือเผาคดีละ 10,000 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(10 มี.ค.67) ตั้งแต่เวลาประมาณ 14.00 น.เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุเกิดไฟไหม้ป่าบริเวณเชิงดอยสุเทพ ทางด้านทิศเหนือของอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าจนถึง บริเวณ ด้านหลัง กรมรบพิเศษที่ 5 ในพื้นที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยหลังรับแจ้งเหตุแล้วทางนายสมนึก ท้าวพา ผู้อำนวยการส่วนควบคุมและปฏิบัติการไฟป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16  เชียงใหม่ ได้สั่งสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ดับไฟ ประกอบด้วยชุด ชป.ไฟป่า ฉก.ทพ.36 ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานดอยสุเทพ – ปุย เข้าทำการดับไฟป่า ชุดดับไฟป่า พล.ร.7 ชุดดับไฟป่า รพศ.5  พร้อมได้รับการสนับสนุน ฮ. จาก ทส. บินทิ้งน้ำดับไฟ
พิกัด MA 916869 เข้าปฏิบัติการดับไฟป่าในจุดดังกล่าว พร้อมทั้งประสานขอเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมทำการบินตักน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าขึ้นโปรยน้ำดับไฟด้วย อย่างไรก็ตามกระทั่งถึงช่วงเย็นแล้วแม้จะยังไม่สามารถดับไฟได้ แต่เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการอยู่อย่างต่อเนื่อง ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับไฟไหม้เชิงดอยสุเทพ นับเป็นครั้งที่ 3 ของปีนี้ที่เกิดกลุ่มควันไฟปรากฏให้เห็นจากครั้งแรกหลังบ้านป่าแหว่ง ครั้งที่ 2 หลังห้วยตึงเฒ่าต่อเนื่องมายังกองพลทหารราบที่ 7 และครั้งนี้ นอกจากนี้ยังเกิดเหตุการณ์วันเดียวกันเวลาใกล้เคียงกันกับปี 2563 ซึ่งเกิดเหตุไฟไหม้ป่าเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. วันที่ 18 มี.ค.63 เกิดเหตุไฟไหม้บริเวณพื้นที่กรมธนารักษ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ขอใช้ประโยชน์ของทหาร เหนือบริเวณห้วยตึงเฒ่า โดยได้ส่งชุดสถานีควบคุมไฟป่าภูพิงค์ , ชุดเสือไฟ กรมอุทยานฯ , กำลังทหารจาก มทบ.33 , เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย , สนง.ปภ.จ.เชียงใหม่ , อบจ.เชียงใหม่ , ฝ่ายปกครอง และเครือข่ายชาวบ้านจิตอาสาบริเวณห้วยตึงเฒ่า รวมกว่า 200 นาย

โดยครั้งนั้นเฮลิคอปเตอร์จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม สนับสนุนบินทิ้งน้ำช่วยดับไฟต่อเนื่อง โดยขณะนี้บินทิ้งน้ำไปแล้วเกือบ 30 เที่ยว แต่ไฟยังไม่ดับสนิท พื้นที่เสียหายขณะนี้กว่า 80 ไร่ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเข้าควบคุมไฟอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป็นภูเขาสูงชันสลับซับซ้อน เข้าถึงพื้นที่ยาก รวมทั้งมีใบไม้แห้งเป็นเชื้อเพลิง ทำให้ไฟลุกลามเป็นแนวยาว และมีนายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผวจ.เชียงใหม่ไปบัญชาการร่วมด้วย

ขณะเดียวกันรายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้(10 มี..67) ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประชุมติดตามสถานการณ์และการแก้ปัญหาหมอกควัน ฝุ่นละออง และไฟป่าในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยพลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ Conference จากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เพื่อมอบนโยบายกับหน่วยงานในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย


ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้รายงานสถานการณ์ไฟป่าและ PM2.5 ในพื้นที่ว่าช่วงนี้มีลมจากตะวันตกพัดพาฝุ่นจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในพื้นที่ ทำให้ 5 อำเภอที่ติดแนวชายแดน คือ อำเภอแม่อาย ฝาง เชียงดาว ไชยปราการ และเวียงแหง มีค่าฝุ่นสูงในทุก ๆ วัน และจะเบาบางลงในช่วงบ่าย ซึ่งเป็นลักษณะนี้มาประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว ขณะที่การเผาก็ยังสามารถควบคุมได้ และได้มีการงดเว้นการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่าทั้งหมดในห้วงนี้ และปิดป่าอนุรักษ์ 19 ป่า ส่วนการลักลอบเผาได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่โดยเร็วและดับให้ได้ภายใน 1 วัน รวมถึงการตั้งรางวัลนำจับผู้กระทำความผิดคดีละ 10,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีการใช้ปฏิบัติการฝนหลวงบินเจาะช่องระบายอากาศเพื่อให้ฝุ่นในพื้นที่พัดขึ้นไปได้

You may also like

อบจ.เชียงใหม่​ ร่วมภาคีเครือข่าย เฉลิมพระเกียรติ​ในหลวง ร.10 ครบ 6 รอบ “ปลูกต้นไม้ ปล่อยปลา ที่หนองเขียว”

จำนวนผู้