เชียงใหม่ขานรับนโยบายวางแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิงหลังประกาศห้ามเผาสิ้นสุด 30 เม.ย.ยึดศักยภาพพื้นที่

เชียงใหม่ขานรับนโยบายวางแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิงหลังประกาศห้ามเผาสิ้นสุด 30 เม.ย.ยึดศักยภาพพื้นที่

จังหวัดเชียงใหม่ขานรับนโยบายวางแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิงหลังประกาศห้ามเผาสิ้นสุด 30 เม.ย.ยึดศักยภาพพื้นที่ จัดการตามหลักวิชาการ คำนึงถึงสภาพอากาศและปัจจัยสนับสนุน ด้านผู้ว่าฯกำชับประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจให้กับประชาชน

วันที่ 21 เมษายน 2563 เวลา 09.00 น. ที่ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประชุมผ่านระบบทางไกลซึ่งพลตรีจิรเดช กมลเพ็ชร รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า ได้ประชุมร่วมกับ 9 จังหวัดภาคเหนือ เพื่อติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน

ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่ขานรับนโยบายของกองทัพภาคที่ 3 ที่เน้นย้ำในการวางแนวทางเพื่อการบริหารจัดการเชื้อเพลิงร่วมกันอย่างเป็นระบบ เนื่องจากในวันที่ 30 เมษายน จะสิ้นสุดช่วงประกาศห้ามเผาเด็ดขาดของทุกจังหวัด โดยขอให้ทุกจังหวัดคำนึงถึงศักยภาพของแต่ละพื้นที่ รวมถึงวิธีการกำจัดเชื้อเพลิงอย่างรัดกุม และจัดทำแผนบทเรียนของการจัดการ ผลการดำเนินการในภาพรวมของปี 2563   เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าในปีต่อๆ ไป  โดยในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ กำลังวางระบบในการบริหารจัดการเชื้อเพลิงหลังสิ้นสุดประกาศห้ามเผา โดยยึดหลักวิชาการและสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะปริมาณเชื้อเพลิงในแต่ละพื้นที่เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพอากาศซึ่งคำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพพี่น้องประชาชนเป็นหลัก

จากนั้น ผวจ.เชียงใหม่พร้อมด้วยรองผวจ.เชียงใหม่ ได้ประชุมกับคณะทำงานติดตามสถานการณ์หมอกควันและไฟป่า ของทั้ง 5 อำเภอ ที่มีจุดความร้อนมากที่สุดในเช้าวันนี้ ได้แก่ อำเภอสะเมิง อำเภออมก๋อย อำเภอฝาง อำเภอเชียงดาว และอำเภอแม่แจ่ม ผ่านระบบ VDO Conference ซึ่งเช้าวันนี้พบจุดความร้อนเกิดขึ้น 30 จุด โดยสั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่เร่งแก้ไขปัญหา เน้นการลาดตระเวนในพื้นที่ป่าเฝ้าระวังการลักลอบเผา ควบคู่กับการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่ลักลอบเผาในห้วงของการประกาศห้ามเผาเด็ดขาด ซึ่งล่าสุดได้แจ้งความดำเนินคดีในพื้นที่ 9 อำเภอ ไปแล้ว 17 คดี

ทั้งนี้ จากการรายงานส่วนมากพบจุดความร้อนในพื้นที่ป่าสงวน โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอสะเมิง ที่เกิดขึ้นทั้งหมด 10 จุด ขณะนี้ได้ทำการดับไฟสนิทแล้ว 8 จุด อย่างไรก็ตามให้มีการประชาสัมพันธ์ตามชุมชนก็ยังต้องดำเนินการกันอย่างต่อเนื่องและเข้มข้น เนื่องจากยังมีประชาชนบางส่วนไม่ทราบถึงประกาศห้ามเผาในที่โล่งเด็ดขาด โดยให้ใช้เสียงตามสายในหมู่บ้าน ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้อย่างทั่วถึง ในส่วนของพื้นที่ที่เข้าถึงยากเช่น อำเภออมก๋อย ซึ่งเป็นพื้นที่เขตติดต่อจังหวัดแม่ฮ่องสอน และพื้นที่สูงชัน เจ้าหน้าที่จึงยังไม่สามารถดับได้ จึงขอกำลังสนับสนุนจากชุดเหยี่ยวไฟและเจ้าหน้าที่อุทยาน เข้าไปสนธิกำลังในพื้นที่เพิ่ม โดยเมื่อวานได้แจ้งความไปแล้ว 5 คดี หลังจากมีจุดชี้เป้าของศูนย์ฯ จึงได้เรียกผู้ต้องสงสัยและผู้ใหญ่บ้านมาให้ปากคำเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการสืบหาตัวผู้ต้องหา เช่นเดียวกันอำเภอเชียงดาวและอำเภอแม่แจ่ม ซึ่งได้ทำการดับไฟในพื้นที่ได้สนิทแล้ว แต่ยังคงตรึงกำลังทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่อุทยานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปลาดตระเวนอย่างต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อป้องปรามผู้ที่จะลักลอบเผาป่าอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ยังคงเน้นย้ำในเรื่องของการเพิ่มความถี่ในลาดตระเวนและเฝ้าระวังมากขึ้น เพื่อป้องกันและป้องปรามการลักลอบจุดไฟเผาป่าซ้ำ ขณะเดียวกันการประชาสัมพันธ์ตามชุมชนก็ยังต้องดำเนินการกันอย่างต่อเนื่องและเข้มข้น เนื่องจากยังมีประชาชนบางส่วนไม่ทราบถึงประกาศห้ามเผาในที่โล่งเด็ดขาด โดยให้ใช้เสียงตามสายในหมู่บ้าน ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้อย่างทั่วถึง อย่างไรก็ตาม ยังได้กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้มอบสิ่งของช่วยเหลือสนับสนุนต่างๆ มายังจังหวัด ซึ่งทางจังหวัดจะได้มีการแจกจ่ายให้กับทุก 25 อำเภอในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่อย่างทั่วถึงต่อไป.

You may also like

บสย. จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา โครงการ “บสย. ร่วมใจ ทำดี เพื่อสังคม” ครั้งที่ 2 ร่วมซ่อมแซม ทาสี เครื่องเล่นเด็ก ปลูกต้นไม้ ณ สวนสมเด็จสราญราษฎร์มณีรมย์

จำนวนผู้