เครือข่ายนักวิชาการ-ปชช.เชียงใหม่จี้กกต.เร่งรับรองผลเลือกตั้งส.ส.

เครือข่ายนักวิชาการ-ปชช.เชียงใหม่จี้กกต.เร่งรับรองผลเลือกตั้งส.ส.

- in headline, จับกระแสสังคม

เชียงใหม่ / เครือข่ายภาคประชาชน-นักวิขาการเชียงใหม่ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง กกต. เร่งรัดให้รับรองผลการเลือกตั้งส.ส. จวกทำงานไร้ประสิทธิภาพไม่คุ้มงบเกือบ 6 พันล้าน เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางประเทศไทย ย้ำเสียงประชาชนต้องเป็นเจตจำนงในการกำหนดชะตากรรมของสังคมไทยเมื่อเวลา 10:00 น วันที่ 14 มิ.ย.66 ตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชนจังหวัดเชียงใหม่ และเครือข่ายนักวิชาการ จำนวน 30 คน ได้เดินทาง ไปที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดเชียงใหม่ และร่วมกันชูป้าย เช่น กกต. ต้องติดคุก / คนโกงวงแตก / โกงเลือกตั้ง ฯลฯต่อมานางภควดี วีระภาสพงษ์ ตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชน จ.เชียงใหม่ ได้อ่านจดหมายเปิดผนึก จากประชาชนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง ถึงคณะกรรมการการเลือกตั้งประเทศไทย เนื้อหา โดยรวมคือ กกต. ใช้งบประมาณ 5,945 ล้านบาท และระยะเวลาทำงาน 5 ปี หลังจากได้รับแต่งตั้ง ให้ดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 61 และมีประสบการณ์เลือกตั้ง มาแล้วเมื่อปี 62 แต่การเลือกตั้งเมื่อ 14 พ.ค. 66 กลับจัดการอย่างไร้ประสิทธิภาพ ขาดความโปร่งใสผิดพลาด และเต็มไปด้วยความด้อยพัฒนามากที่สุด ตั้งแต่การจัดเก็บบัตรเลือกตั้งการขนส่งบัตรเลือกตั้งไปจนถึงการนับคะแนนกกต.ถูกวิจารณ์ตั้งแต่การแบ่งเขตเลือกตั้งอย่างไม่สมเหตุผล การเลือกตั้งล่วงหน้าเกิดข้อผิดพลาดมากมาย เจ้าหน้าที่เขียนเขต หรือ รหัสหน้าซองเลือกตั้งล่วงหน้าผิด ทั้งๆ ที่มีงบประมาณเตรียมความพร้อมแก่เจ้าหน้าที่ถึง 300 กว่าล้านบาท กลับทำหน้าที่ผิดพลาดราวกับไม่เคยได้รับการอบรมใดๆ มาเลย การกำหนดเลขผู้สมัคร ส.ส.เขต กับเลขบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองไม่ตรงกัน จดจำยาก ซ้ำประกาศผลการเลือกตั้งล่าช้าอย่างไม่มีเหตุผล ปล่อยเวลาไปหลายสัปดาห์กว่าจะประกาศนับคะแนนใหม่ 47 หน่วยเลือกตั้ง รวมทั้งมีบัตรเสียมากถึง 3 ล้านใบ โดยจำนวนมากเป็นบัตรเสียเพียงแค่ขีดกากบาทไม่สวย หรือบังเอิญมีจุดหมึกแต้มขึ้นมานิดหน่อย ในรอยลากเส้นวันนี้ 14 มิ.ย. ผ่านไปครบ 1 เดือนจากวันเลือกตั้ง กกต.ยังไม่ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ เมื่อเปรียบเทียบกับการเลือกตั้งปี 62 การประกาศรับรองล็อตแรกใช้เวลา 14 วัน กกต.ก็เป็นชุดเดียวกันกลับมีพัฒนาการถอยหลัง และการที่มีข่าวว่า กกต.จะรับรองผลทั้งหมดภายใน 27 มิ.ย. เพื่อให้ทันกับสมาชิก กกต.คนหนึ่งหมดวาระ เพราะอายุครบ 70 ปีนั้น ขอถามว่าประเทศไทยหมุนรอบตัวกกต.หรือ? ถึงได้กำหนดเวลาที่มีผลกระทบต่อคนไทยทั้งประเทศโดยเอาความสะดวกสบายของตัวเองเป็นที่ตั้งประชาชนรู้ดี ว่าที่มากกต.ชุดนี้มาจากไหน มาจากใครมาอย่างไร แม้จะได้รับการแต่งตั้งจากคนนอกกฎหมายที่ฉีกรัฐธรรมนูญ ทำรัฐประหารล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยของประเทศ แต่ช่วง 5 ปีที่ได้รับเงินเดือนรวมกันไปหลายร้อยล้านบาท ก็ต้องทราบดีว่าเงินเดือน หรือเบี้ยเลี้ยงต่างๆ ล้วนมาจากภาษีของประชาชน พวกท่านเป็น “ข้า”ของหลวงด้วยยศตำแหน่ง แต่ก็เป็น “ข้า”ของราษฎรด้วยการเลี้ยงดูขอให้ระลึกถึงข้อนี้ไว้ ส่วนการเปลี่ยนคำขวัญสโลแกนประจำสำนักงานกี่ร้อยครั้ง ก็ไม่ได้ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของกกต.ได้มาตรฐานขึ้น การกระทำย่อมเสียงดังกว่าคำขวัญไร้แก่นสาร อย่าให้ประชาชนต้องตั้งคำถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “กกต.มีไว้ทำไม?”จากนั้น รศ.ดร.สมชาย ปรีชาศิลปกุล จากเครือข่ายนักวิชาการ ได้อ่านจดหมายเปิดผนึกเรื่องการรับรองผลการเลือกตั้งคือภารกิจสำคัญของกกต. ใจความสำคัญคือ ขณะนี้ครบ 1 เดือนหลังจากเลือกตั้ง ประชาชน องค์กรเอกชน พรรคการเมือง ตรวจสอบถึงการทุจริตหรือสภาพปัญหาที่เกิดจากการเลือกตั้ง ก็พบเพียงจำนวนหนึ่ง รวมทั้งรายงานของกกต. ก็ไม่ได้แสดงถึงปัญหาของการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง แม้จะมีการร้องเรียนเกี่ยวกับตัวบุคคล ผู้สมัครหรือพฤติกรรมบางอย่างในการเลือกตั้ง แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งในภาพรวมถ้าเปรียบเทียบกับการเลือกตั้งในหลายประเทศรวมถึงประเทศที่กกตไปดูงานมา หน่วยงานที่รับผิดชอบ สามารถประกาศผลได้อย่างรวดเร็วหลังการเลือกตั้ง เป็นเงื่อนไขเบื้องต้นที่ทำให้สังคมภายใต้ระบอบประชาธิปไตยสามารถเดินหน้าต่อไปได้ด้วยความสงบ และมั่นคงของระบอบการปกครอง เพราะจะทำให้ฝ่ายที่ประสบชัยชนะสามารถจัดตั้งรัฐบาลเพื่อนำแนวนโยบายที่นำเสนอไว้ในการหาเสียงมาสู่ผลปฏิบัติจริงแต่แม้จะผ่านการเลือกตั้งมาเป็นระยะเวลา 1 เดือน ก็ยังไม่มีความชัดเจนในการประกาศรับรองผล ถึงจะมีระยะเวลาไม่เกิน 60 วันตามกฎหมายสำหรับการประกาศผล หากเมื่อไม่ได้พบปัญหาสำคัญ ทางกกต.ก็ควรเร่งรัดการทำงานเพื่อแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่ควรต้องคุ้มค่ากับงบประมาณจำนวนมหาศาลที่ใช้ในการเลือกตั้ง และการจ่ายให้กับองค์กรนี้ ยิ่งการประกาศผลล่าช้าก็ยิ่งถูกมองว่าเป็นการถ่วงเวลาเพื่อเปิดโอกาสให้บางกลุ่มสามารถบิดเบือนผลการเลือกตั้ง สร้างความไม่ชัดเจนต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองซึ่งไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่ายในสังคมในฐานะประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย และแสดงออกด้วยการใช้สิทธิ์ผ่านการเลือกตั้ง พวกเราจึงขอเรียกร้องให้กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งในครั้งนี้อย่างรวดเร็ว เพื่อแสดงให้เห็นถึงการทำงานที่มีประสิทธิภาพและตรงไปตรงมา และเพื่อให้เสียงประชาชนเป็นเจตจำนงทั่วไปในการกำหนดชะตากรรมของสังคมไทย มิใช่เสียงของบุคคลบางคน บางกลุ่ม บางฝ่าย เป็นผู้ชี้ชะตา เฉกหลายๆ ครั้งที่ผ่านมาในช่วงท้าย นางภัควดี และรศ.ดร.สมชาย ได้เป็นตัวแทนมอบจดหมายเปิดผนึกทั้ง 2 ฉบับ ให้แก่ น.ส.อรัญญา ณลำพูน รองผอ.สำนักงาน กกต. จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับ.

You may also like

บสย. จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา โครงการ “บสย. ร่วมใจ ทำดี เพื่อสังคม” ครั้งที่ 2 ร่วมซ่อมแซม ทาสี เครื่องเล่นเด็ก ปลูกต้นไม้ ณ สวนสมเด็จสราญราษฎร์มณีรมย์

จำนวนผู้