เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ฝาง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และเจ้าหน้าที่ทหาร
จับกุม ผู้ต้องหาในสวนลำไย เจ้าตัวรับสารภาพเข้ามาทำกินตั้งแต่ปี 38 แต่ไม่มีเอกสารยืนยัน ยอมรับเป็นพื้นที่ป่าสงวน ตรวจค้นพบยาเสพติด
วันนี้( 17 เม.ย.2563) เวลาประมาณ 11.00 น. โดยการอำนวยการของ นายชัชวาล ปัญญา นายอำเภอฝาง , พ.ต.อ.ดำเนิน กันอ่อง ผกก.สภ.ฝาง ,พ.ต.อ.จักรพงษ์ นุชผดุง ผกก.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.เชียงใหม่ ,พ.ต.ท.เกรียงศักดิ์ ตงศิริ รอง.ผกก.สส.สภ.ฝาง
จับกุม นายสุเวียต กองทุม อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 196 ม.6 ต.เวียง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ภายในสวนลำไยไม่มีเลขที่ บ้านท่าสะแล ม.11 ต.เวียง อ. ฝาง จ.เชียงใหม่
โดยกล่าวหา “มียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ,เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย” และ “ความผิดตาม พรบ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 11 ฐานทำไม้หรือเจาะกาน เก็บริบ หรือสุมเผา หรือทำอันตรายประการใดๆแก่ไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต”“ความผิดตาม พรบ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 ฐานเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต”“ความผิดตาม พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ฐานบุกรุกเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาต”
พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) ชนิดเม็ดกลมแบนสีส้ม ประทับตราอักษร WY อีกด้านเรียบ ห่อหุ้มด้วยพลาสติกใส เรียงเป็นแถว จำนวน 5 เม็ด และห่อหุ้มด้วยกระดาษฟลอยด์อีกชั้นหนึ่ง บรรจุอยู่ในขวดพลาสติกใส มีฝาปิดเปิดสีเหลือง ไฟแช๊ค สีเหลือง จำนนวน 1 อัน รายงานผลการตรวจปัสสาวะ จำนวน 1 แผ่น ปัสสาวะ จำนวน 1 ขวด
ทั้งนี้สืบเนื่องจาก วันนี้ ( 17 เม.ย.2563) เวลาประมาณ 10.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ร่วมกันตรวจพื้นที่บ้านท่าสะแล ม.11 ต.เวียง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เพื่อป้องกันปัญหาหมอกควันและไฟป่า ตามคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เรื่อง กำหนดเขตควบคุมการเผาในที่โล่งทุกชนิดและมาตรการทางกฎหมายในการควบคุม เมื่อถึงบริเวณบนถนนสาธารณะบ้านท่าสะแลฯ เจ้าหน้าที่มองเห็นกลุ่มควันไฟอยู่ภายในสวนลำไยไม่มีเลขที่ ซึ่งห่างจากถนนสาธารณะประมาณ 100 เมตร
จากนั้นเจ้าหน้าที่ฯจึงได้ร่วมกันเข้าทำการตรวจสอบภายในสวนลำไยดังกล่าว พบนายสุเวียต กองทุม(ทราบชื่อภายหลัง) ยืนอยู่ภายในสวน จุดที่เกิดไฟไหม้ และแสดงตัวเป็นเจ้าของสวนลำไยดังกล่าว เจ้าหน้าที่ฯจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม และขอทำการตรวจค้น ก่อนทำการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ฯ ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้นายสุเวียตฯ ดูจนเป็นที่พอใจและนายสุเวียตฯได้ให้ความสมัครใจและยินยอมให้ตรวจค้นแต่โดยดี ผลการตรวจค้นพบยาบ้า (ของกลางลำดับที่ 1) และไฟแช๊คสีเหลือง(ของกลางลำดับที่ 2) ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านขวาที่นายสุเวียตฯ สวมใส่อยู่
ขณะทำการตรวจค้น จากการสอบถามนายสุเวียตฯ ขอให้การยอมรับว่ายาเสพติด(ยาบ้า)ที่ตรวจค้นพบดังกล่าวเป็นของตนเองจริง และตนได้เสพยาเสพติด(ยาบ้า)มาก่อนหน้านี้ และไฟแช๊คที่เจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบเป็นไฟแช๊คที่ตนได้ใช้จุดไฟเผาเศษใบไม้และกิ่งไม้ภายในสวนลำไยดังกล่าวจริง เนื่องจากตนเห็นว่าภายในสวนลำไยของตนมีเศษใบไม้และกิ่งไม้แห้งจำนวนมาก เกรงว่าหากปล่อยไว้อาจจะเกิดไฟไหม้กระท่อมของตน ตนจึงได้นำเศษใบไม้และกิ่งไม้มากองรวมๆกันจากนั้นจึงได้ทำการเผา และถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาทำการจับกุมดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่ฯได้สอบถามเอกสารสิทธิการครอบครองพื้นที่สวนลำไยดังกล่าวจากนายสุเวียตฯ แต่นายสุเวียตฯ ไม่สามารถนำมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ฯตรวจสอบได้ และให้การกับเจ้าหน้าที่ฯว่าพื้นที่สวนลำไยดังกล่าว แต่เดิมเป็นพื้นที่ป่าสงวน ตนได้เข้ามาแผ้วถางเพื่อใช้ทำกินตั้งแต่ ปี พ.ศ.2538 จนถึงปัจจุบันซึ่งไม่มีเอกสารสิทธิครอบครองพื้นที่ดังกล่าวแต่อย่างใด
ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ฯ พบไม้ที่ถูกกาน เป็นไม้พลวง จำนวน 3 ต้น ต้นที่ 1 โตประมาณ 80 ซม. ,ต้นที่ 2 โตประมาณ 70 ซม. ,ต้นที่ 3 มีร่องรอยการเผา โตประมาณ 60 ซม. ไม้พลวงต้นที่โตประมาณ 60 ซม.มีการสุมเผาบริเวณโคนต้น และพื้นที่ทั้งหมด ประมาณ 3 ไร่ มีการปลูกลำไย 120 ต้น อายุประมาณ 5 ปี และปลูกต้นมะม่วง ประมาณ 50 ต้น อายุประมาณ 2 ปี ซึ่งมีพื้นที่ที่บุกรุกป่าสงวน ประมาณ 1 ไร่ 2 งาน มูลค่าความเสียหายประมาณ 102,366 บาท เจ้าหน้าที่ฯจึงได้แจ้งสิทธิให้ และแจ้งข้อกล่าวหาให้นายสุเวียตฯ ทราบ และขอให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้นำตัวนายสุเวียตฯ พร้อมของกลางส่ง พงส.สภ.ฝาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
