นายกฯขีดเส้น 7 วันแก้ให้จบไฟป่าเหนือวิกฤตสูญป่ากว่า 6 พันไร่

นายกฯขีดเส้น 7 วันแก้ให้จบไฟป่าเหนือวิกฤตสูญป่ากว่า 6 พันไร่

นายกรัฐมนตรีขีดเส้น 7 วันแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันให้จบ ขณะที่สถานการณ์ในภาคเหนือยังวิกฤต พบจุดความร้อนเกือบ 2 พันจุดแม่ฮ่องสอนแชมป์ เชียงใหม่พื้นที่ป่าเสียหายมากที่สุดในภาคเหนือ ขณะที่ดอยหลวงเชียงดาวไฟยังคุกรุ่น ตีวงกันผืนป่าสุดท้ายก่อนลามถึงชุมชน
สถานการณ์หมอกควันและไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ9 จังหวัดยังวิกฤตต่อเนื่อง โดยดัชนีคุณภาพอากาศและค่า pm2.5 ยังเกินค่ามาตรฐานและมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน โดยดาวเทียมVIIR ตรวจจับพบจุดความร้อนเมื่อเวลา 01.36 น.ใน 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบนจำนวน 1,969 จุด มากที่สุดที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน 821 จุดรองลงมาคือเชียงใหม่ 478 จุด เชียงราย 232 จุด ลำปาง 116 จุด ตาก 89 จุด น่าน 77 จุด พะเยา 74 จุด แพร่ 63 จุด ลำพูน 19 จุด
ส่วนสถานการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นบริเวณดอยหลวงเชียงดาว นายอิสระ ศิริไสยาสน์ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 กล่าวว่า ไฟป่าที่บริเวณดอยหลวงเชียงดาวเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 27-31 มีนาคม 2562 ซึ่งพบว่ามีจุด Hotspot เกิดขึ้นบนดอยหลวงเชียงดาวในพื้นที่ใกล้เคียงหมู่บ้านบ้านถ้ำ ทั้งหมด 8 จุดด้วยกัน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและภาคีเครือข่ายฮักเชียงดาว ได้ร่วมกันวางแผนและสนธิกำลังเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่รวมทั้งสิ้น 14 หน่วยงาน ทั้งหมด 193 คน ซึ่งประกอบด้วย 1. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว จำนวน 30 นาย 2. สถานีควบคุมไฟป่าเชียงดาว จำนวน 30 นาย 3. สถานีควบคุมไฟป่าสลักพระ-เอราวัณ สบอ. 3 (บ้านโป่ง) จำนวน 10 นาย 4. เจ้าหน้าที่ทหาร ร.7 พัน 2 จำนวน 30 นาย
5. ฝ่ายปกครองอำเภอเชียงดาว จำนวน 15 นาย 6. อาสาสมัครป้องกันไฟป่าบ้านถ้ำ หมู่ 5 ตำบลเชียงดาว จำนวน 15 คน 7. กลุ่มม่วนใจ๋เชียงดาว จำนวน 2 คน 8. กลุ่มท่องเที่ยวเชียงดาว จำนวน 1 คน 9. อุทยานแห่งชาติผาแดง จำนวน 10 นาย10.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่เลา-แม่แสะ 10 นาย 11.สถานีควบคุมไฟป่าอมก๋อย 10นาย12.สถานีควบคุมไฟป่าแม่ปิง 10 นาย13.สถานีควบคุมไฟป่าบ้านโฮ่ง 10 นาย 14.สถานีควบคุมไฟป่าลำพูน 10 นาย โดยสนธิกำลังเข้าพื้นที่เพื่อทำการดับไฟ 5จุด และทำแนวกันไฟ เพื่อควบคุมแนวไฟ (ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร) รวมถึงได้รับการสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ในการบรรทุกน้ำจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มช่องทางในการดับไฟ โดยสามารถบรรทุกน้ำได้ทั้งหมด 17 เที่ยว เที่ยวละ 500 ลิตร เฮลิคอปเตอร์ในการบรรทุกน้ำจากจนท.ทหาร หน่วยบินเฉพาะกิจควบคุมสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า 5 เที่ยว
ทั้งนี้จากสถานการณ์ไฟป่าบริเวณดอยหลวงเชียงดาวตั้งแต่วันที่ 27-31 มีนาคม 2562 โดยมีพื้นที่ป่าได้รับผลกระทบประมาณ 1,000ไร่ เฉพาะเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมาไฟได้ลามเป็นวงกว้าง ทำให้ป่าซึ่งส่วนใหญ่เป็นป่าไผ่ มีเชื้อเพลิงสูง เสียหายประมาณ 400 ไร่ ทั้งนี้จากการเข้าปฏิบัติงานยังพบลิงวอกเพศผู้ที่เสียชีวิต 1ตัว จากสถานการณ์ไฟป่าดังกล่าว
ผอ.ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่าฯ กล่าวอีกว่า สำหรับดอยหลวงเชียงดาวมีสัตว์ป่าอนุรักษ์และหายากอาศัยอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะกวางผาที่มีกว่า 100 ตัวซึ่งมากที่สุดในประเทศไทย รวมทั้งไก่ฟ้าและไก่ป่า ซึ่งคาดว่าขณะนี้สัตว์ป่าจะหนีขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดของดอยหลวงที่บริเวณอ่างสะลุง ซึ่งทุกภาคส่วนได้ร่วมกันทำแนวกันไฟพื้นที่ประมาณเกือบ 3 กิโลเมตรเพื่อไม่ให้ไฟป่าลุกลามเข้าไปและในวันนี้(2 เม.ย.)จะทำแนวกันไฟเพิ่มอีกที่ดอยคุกเสือซึ่งเป็นผืนป่าสุดท้ายติดเขตที่อยู่อาศัยของชาวบ้านและกันพื้นที่สำหรับสัตว์ป่าได้หลบไฟ แต่อย่างไรก็ตามยอมรับว่าขณะนี้สัตว์ป่าแตกกระเจิง เนื่องจากไฟป่าที่ลุกลามอย่างรวดเร็ว มีทั้งความร้อน ควันไฟและเสียงคล้ายปืนเนื่องจากต้นไม้ไผ่ที่ถูกเผาไหม้และแตกออก ทำให้สัตว์ป่าตกใจ และที่น่าเป็นห่วงอีกอย่างหนึ่งคือไข่ไก่ฟ้าและไก่ป่าที่ไข่ไว้จะได้รับความเสียหายจากไฟป่าในครั้งนี้ด้วย
นายอิสระ กล่าวด้วยว่า สำหรับการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าตอนนี้ควบคุมได้มากขึ้น จากที่เมื่อวานมีไฟไหม้ 3 จุดคือ ม่อนพระจันทร์ทรงกลด ดอยคุกเสือและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยหลวงเชียงดาว และตอนนี้เหลือที่ไฟยังลุกเป็นวงกว้างที่ดอยคุกเสือซึ่งเป็นผืนป่าสุดท้ายใกล้ชุมชน
ทางด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า ในขณะนี้ได้ร่างคำสั่งแต่งตั้งชุดเฉพาะกิจที่จะเข้าไปดำเนินการในพื้นที่ คทช.ที่อนุญาตให้ประชาชนเข้าไปทำกินในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าไม้แต่ได้รับอนุญาตตามมติครม.ที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(คทช.)เห็นชอบ เพื่อประชาสัมพันธ์และกำชับขอความร่วมมือห้ามเผา หากพบเกิดไฟไหม้จะไม่อนุญาตให้เข้าไปทำกินเด็ดขาด โดยชุดฉก.นี้จะเป็นชุดร่วมทั้งป่าไม้ อุทยาน ทหาร ตำรวจและปกครองประมาณ 10 คนกระจายลงทุกพื้นที่ ทั้งนี้เพื่อที่จะหยุดไม่ให้มีไฟเกิดขึ้นอีก ซึ่งเราจะยกระดับความเข้มข้นมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางมาถึงจังหวัดเชียงใหม่เพื่อติดตามสถานการณ์การแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันภาคเหนือ โดยเดินทางไปตรวจเยี่ยมกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์หมอกควันกองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้าที่มทบ.33 พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานขอให้มีกำลังใจในการแก้ไขปัญหาและขอให้ทุกคนต่อสู้กับความไม่ดี สู้กับอันตรายต่างๆ และขอให้ทำงานด้วยคาวมปลอดภัย ซึ่งรู้ดีว่าทุกคนเหน็ดเหนื่อยเต็มที่ในการทำงานและทำงานเพื่อถวายพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์ทรงกำชับและทรงห่วงใยติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด ทั้งนี้รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนอุปกรณ์ในการทำงานเพื่อแก้ไขสถานการณ์ให้ได้ภายใน 7 วัน ซึ่งจะเร่งหามาตรการในการแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่และเข้างวดในการใช้กฎหมายดำเนินการกับผู้กระทำผิด
ทั้งนี้จากสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือที่เกิดขึ้น พบว่าพื้นที่ป่าเสียหายแล้วกว่า 6,069 ไร่ มากที่สุดคือจังหวัดเชียงใหม่แยกเป็นป่าอนุรักษ์ 617 ไร่ ป่าสงวน 493 ไร่ สปก.39 ไร่ รวมทั้งหมด 1,205 ไร่ รองลงมาคือแม่ฮ่องสอน ป่าอนุรักษ์เสียหาย 653 ไร่ สปก.2 ไร่ ป่าสงวน 332 ไร่ รวมทั้งหมด 1,010 ไร่

You may also like

บสย. จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา โครงการ “บสย. ร่วมใจ ทำดี เพื่อสังคม” ครั้งที่ 2 ร่วมซ่อมแซม ทาสี เครื่องเล่นเด็ก ปลูกต้นไม้ ณ สวนสมเด็จสราญราษฎร์มณีรมย์

จำนวนผู้