“ซันสวีท”ประชุมผู้ถือหุ้นพร้อมจ่ายปันผล แจงปีนี้ลงทุนอีก 250 ล้านบาทเพิ่มกำลังการผลิตขยายตลาดที่เติบโต

“ซันสวีท”ประชุมผู้ถือหุ้นพร้อมจ่ายปันผล แจงปีนี้ลงทุนอีก 250 ล้านบาทเพิ่มกำลังการผลิตขยายตลาดที่เติบโต

ซันสวีทประชุมสามัญผู้ถือหุ้น พร้อมจ่ายเงินปันผลหลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ 3 เดือน ปธ.เจ้าหน้าที่บริหารฯเผยปีนี้ลงทุนอีก 250 ล้านบาทเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตรองรับการเติบโตของธุรกิจ แจงแผนมุ่งผลิตอาหารเพื่อสุขภาพตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน

วันที่ 23 เม.ย.61 ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติคุ้มคำ เชียงใหม่ คณะกรรมการบริหาร บริษัท ซันสวีท จำกัด(มหาชน)จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2561 โดยมีนายไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ ประธานกรรมการบริษัท เป็นประธานในการประชุมชี้แจง

นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานกรรมการเจ้าหน้าที่บริหาร บ.บริษัท ซันสวีท จำกัด(มหาชน)กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท ซันสวีทฯซึ่งเป็นครั้งแรกหลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์และดึงมาประชุมที่จังหวัดเชียงใหม่ เพราะส่วนใหญ่จะประชุมที่กรุงเทพฯ ซึ่งมีสมาชิกผู้ถือหุ้น 4,678 ราย จำนวน 430 ล้านหุ้น ซึ่งมีการรายงานผลประกอบการปี 2560 ซึ่งมียอดขายกว่า 1,600 ล้านบาท กำไรสุทธิ 112 ล้านบาท โดยมีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นๆละ 15 สตางค์ เป็นเงิน 45 ล้านบาท

สำหรับยอดรายได้ในปีนี้หากเทียบกับปี 2559 ซึ่งมียอดขายกว่า 1,700 ล้านบาท แต่กำไรสุทธิ 111 ล้านบาท แม้ยอดขายลดลงแต่กำไรในปีนี้ยังรักษาระดับไว้อยู่โดยมีกำไรที่มากกว่าปี 2559 ซึ่งยอดขายมาจากการส่งออกร้อยละ 80 และถือว่าในช่วง 3 เดือนหลังจากที่บริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ การบริหารงานก็เป็นระบบมากยิ่งขึ้น

ประธานกรรมการเจ้าหน้าที่บริหาร บ.บริษัท ซันสวีท จำกัด(มหาชน) กล่าวอีกว่า ในส่วนของแผนการตลาดปี 2561 ทางบริษัทฯยังมุ่งที่ผลิตภัณฑ์ตัวหลักคือข้าวโพดกระป๋อง ที่จะเพิ่มการผลิตและส่งออกมากขึ้นจาก 2,000 ตู้คอนเทรนเนอร์ต่อปีเป็น 2.5-3 พันตู้ต่อปีและพยายามทำกำไรให้เพิ่มขึ้น 10%  รองลงมาคือข้าวโพดหวานแช่แข็งซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตอีกประมาณ 30% โดยเน้นตลาดเดิมที่จะทำให้มั่นคงมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นตลาดญี่ปุ่น ไต้หวันและเกาหลีซึ่งมีกำลังซื้อมากขึ้น รวมทั้งตลาดยุโรป ตะวันออกกลางและตลาดในประเทศ ซึ่งจะทำผลิตภัณฑ์พร้อมทานเพื่อป้อนกับคอนวีเนียนสโตว์ ซึ่งจะเพิ่มการเติบโตให้ได้ร้อยละ 10 จากเดิม

“ปีนี้ทางบริษัทฯ ลงทุนด้านเครื่องจักรอีก 150 ล้านบาท เพื่อที่จะเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้มากกว่าเดิม 3 เท่า รวมทั้งพัฒนาเครื่องมือต่างๆ อีก ซึ่งรวมๆ การลงทุนในปีนี้ประมาณ 250 ล้านบาท โดยบริษัทฯมีแผนที่จะผลิตอาหารเพื่อสุขภาพ เพราะโลกปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มกังวลและตระหนักในเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพกันมากขึ้น ทั้งผู้หญิง เด็กและผู้สูงอายุ โดยจะใช้ข้าวโพดหวานเป็นวัตถุดิบหลักและมีวัตถุดิบอื่นผสมด้วย โดยตั้งเป้ายอดขายในปี 2561 ให้เพิ่มจากปีนี้ร้อยละ 10 แม้ว่าเศรษฐกิจภาพรวมในไตรมาสแรกของปี 2561 ยังไม่ดีนัก โดยเฉพาะค่าเงินบาทที่แข็งค่าแม้ว่าการส่งออกจะดีก็ตาม โดยในส่วนของการส่งออกของบริษัทแล้ว นอกจากข้าวโพดหวานจะเป็นผลิตภัณฑ์หลักที่มีถึงร้อยละ 80 แล้ว ยังมีหอมหัวใหญ่อีกร้อยละ 10 มะพร้าวน้ำหอม ข้าวสาร รวมไปถึงซอสมะเขือเทศด้วย ซึ่งก็จะเพิ่มการผลิตและขยายตลาดให้เติบโตมากขึ้น”นายองอาจ กล่าว.

You may also like

อบจ.เชียงใหม่​ ร่วมภาคีเครือข่าย เฉลิมพระเกียรติ​ในหลวง ร.10 ครบ 6 รอบ “ปลูกต้นไม้ ปล่อยปลา ที่หนองเขียว”

จำนวนผู้