สนามบินเชียงใหม่ดีเดย์ 1 ธ.ค.นี้เริ่มปรับเปลี่ยนระบบตรวจสอบสัมภาระผู้โดยสารที่โหลดกระเป๋า

สนามบินเชียงใหม่ดีเดย์ 1 ธ.ค.นี้เริ่มปรับเปลี่ยนระบบตรวจสอบสัมภาระผู้โดยสารที่โหลดกระเป๋า

- in headline, จับกระแสสังคม

สนามบินเชียงใหม่ดีเดย์ 1 ธ.ค.นี้เริ่มปรับเปลี่ยนระบบตรวจสอบสัมภาระผู้โดยสารที่โหลดกระเป๋า ให้เช็คอินที่เคาน์เตอร์ก่อนนำกระเป๋ามาที่ In-Line Screening  โดยแยกสีน้ำเงิน-แดงตามสายการบินที่ระบุ รองผอ.การท่าฯเผยเป็นการลดความแออัดหน้าทางเข้าอาคารผู้โดยสารและเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย ชี้ไฮซีซั่นคึกคักผู้โดยสารพุ่งวันละ 2.2 หมื่นคน

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2563   ที่ห้องประชุม 4 ชั้น 4 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นาวาอากาศโท มัธยัณห์ ไกรสรทองศรี รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ชี้แจงถึงการปรับเปลี่ยนมาตรการตรวจสอบสัมภาระของผู้โดยสารที่โหลดลงใต้ท้องเครื่อง ในการแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำสัปดาห์จังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 7/2564 ว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจากระบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบันที่ผู้โดยสารจะต้องผ่านจุดตรวจกระเป๋าสัมภาระที่ประตูทางเข้าก่อนเข้าอาคารผู้โดยสารเพื่อไปเช็คอิน มาเป็นระบบ In-Line Screening  เนื่องจากการที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ กพท. ได้ตรวจสอบมาตรฐานด้านการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือน ที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และพบโอกาสที่จะเกิดการแทรกแซงสัมภาระลงทะเบียน (สัมภาระที่โหลดลงใต้ท้องเครื่องบิน) ที่ผ่านการตรวจแล้ว โดยพบผู้โดยสารเปิดกระเป๋าที่ติดสติ๊กเกอร์จากการตรวจสัมภาระแล้วนำสิ่งของบรรจุเข้าไปใหม่ก่อนเอาไปโหลด จึงได้ขอให้ท่าอากาศยาน-เชียงใหม่ดำเนินการแก้ไข

“ที่ผ่านมาสนามบินเชียงใหม่ได้ใช้ระบบ Terminal Screening  ซึ่งเป็นการตรวจสอบสัมภาระและสิ่งของติดตัวทุกชิ้นที่จะนำเข้ามาภายในอาคารผู้โดยสาร สามารถป้องกันหรือคัดกรองสิ่งของต้องห้าม หรือสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ ได้ตั้งแต่ก่อนเข้ามาภายในอาคารผู้โดยสาร แต่ขณะเดียวกันก็ส่งผลให้เกิดความแออัดคับคั่งบริเวณชานชาลา และยังมีโอกาสที่สัมภาระลงทะเบียนที่ผ่านการตรวจ X-Ray เรียบร้อยแล้ว         จะถูกแทรกแซงทั้งจากเจ้าของหรือบุคคลอื่นจึงได้เปลี่ยนระบบตรวจสอบสัมภาระลงทะเบียนจากระบบ Terminal Screening เป็นแบบ In-Line Screening โดยจะเริ่มทดลองใช้ในวันที่ 1 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป”รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวและชี้แจงอีกว่า

เพื่อให้มาตรการตรวจสอบสัมภาระลงทะเบียน เป็นไปตามกฎเกณฑ์ความปลอดภัยด้านการบินขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และข้อกำหนดของสำนักงานการบิน     พลเรือนแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 28 ว่าด้วยเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการในการตรวจค้นเพื่อการรักษาความปลอดภัย            ในการดำเนินงานสนามบินสาธารณะ ซึ่งประกาศเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2563 ตลอดจนลดปัญหาความแออัดและ ความคับคั่งบริเวณประตูทางเข้าอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานเชียงใหม่ จึงมีการยกเลิกจุดตรวจค้นบริเวณประตูทางเข้าอาคารผู้โดยสาร คงไว้แต่เฉพาะการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ด้วยเครื่องเทอร์โมสแกน ตรวจสอบการสวมหน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่าง ตามมาตรการคัดกรองด้านสาธารณสุข

ผู้โดยสารที่เข้ามาภายในอาคารผู้โดยสารแล้ว หากไม่มีสัมภาระลงทะเบียน สามารถเช็กอินได้ตามช่องทางต่างๆ ได้แก่ เคาน์เตอร์เช็กอินของสายการบิน ตู้เช็กอินอัตโนมัติ หรือ Application จากนั้นเข้าสู่กระบวนการตรวจ X-Ray ก่อนขึ้นเครื่องตามปกติ สำหรับผู้โดยสารที่มีสัมภาระลงทะเบียน ต้องทำการเช็กอิน ที่เคาน์เตอร์เช็กอินของสายการบิน เพื่อรับบัตรผ่านขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) และติดป้ายติดประเป๋า (Baggage Tag) จากนั้นนำสัมภาระที่มีป้ายติดกระเป๋าไปผ่านเครื่อง X-Ray ที่เชื่อมต่อกับสายพานลำเลียงกระเป๋า เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ซึ่งหากพบสัมภาระต้องสงสัย ก็จะดำเนินการตามมาตรการการรักษาความปลอดภัยต่อไป

นาวาอากาศโท มัธยัณห์  กล่าวด้วยว่า การใช้ระบบ In-Line Screening ดังกล่าว จะทำให้กระบวนการเข้าสู่อาคารผู้โดยสารเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น แต่ในระยะแรกผู้โดยสารที่มีสัมภาระลงทะเบียนอาจยังไม่คุ้นเคยกับการต้องนำกระเป๋าสัมภาระไปผ่านเครื่อง X-Ray และรอให้กระเป๋าสัมภาระผ่านการตรวจของเจ้าหน้าที่ จึงอาจต้องเผื่อเวลาในการเดินทางเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนการรักษาความปลอดภัยทั่วไปภายในอาคารผู้โดยสาร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะเพิ่มความถี่ในการเดินตรวจตระเวนมากขึ้น โดยผนึกกำลังตำรวจ ทหารและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ตรวจทุกๆ 2 ชั่วโมง รวมทั้งใช้สุนัขดมกลิ่นเข้ามาช่วยปฏิบัติงานในช่วงเวลาที่ผู้โดยสารคับคั่ง

รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของเชียงใหม่ ซึ่งพบว่าอัตราผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานเชียงใหม่เพิ่มขึ้นเกือบปกติ โดยปัจจุบันมีผู้โดยสารเฉลี่ยวันละ 22,000 คน มีเที่ยวบินขึ้น-ลงวันละ 136 เที่ยวบินซึ่งร้อยละ 90 เป็นผู้โดยสารคนไทย เพราะในปัจจุบันยังไม่มีการเปิดเที่ยวบินระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตามทางท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้มีการเตรียมความพร้อมทั้งสถานที่และบุคลากร หน่วยงานต่างๆ หากรัฐบาลอนุญาตให้มีการเปิดบินระหว่างประเทศก็พร้อมที่จะให้บริการได้ทันที.

 

You may also like

บสย. จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา โครงการ “บสย. ร่วมใจ ทำดี เพื่อสังคม” ครั้งที่ 2 ร่วมซ่อมแซม ทาสี เครื่องเล่นเด็ก ปลูกต้นไม้ ณ สวนสมเด็จสราญราษฎร์มณีรมย์

จำนวนผู้