“จำลอง ครุฑขุนทด”เลขาธิการพรรครวมแผ่นดินและ”กชพร”ที่ปรึกษาพรรคฯพบสมาชิกพรรคที่เชียงใหม่กว่า 500 คน ก่อนจะปรับโครงสร้างพรรคในเดือนธ.ค. พร้อมวางตัวคนลงชิงเก้าอี้ส.ส.เพียง 5 เขต ลั่นไม่ใช่พรรคนอมินีหรือพรรคเฉพาะกิจ เผยจะทำให้หน.พรรคเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อสานต่อสิ่งที่รัฐบาลทำไว้เพื่อให้ประชาชนกินอิ่ม นอนสบาย
เมื่อวันที่ 6 พ.ย.65 ที่โรงแรมดิเอ็มเพรส เชียงใหม่ พรรครวมแผ่นดินได้จัดประชุมสมาชิกพรรคในพื้นที่ภาคเหนือกว่า 500 คน โดยมีนายจำลอง ครุฑขุนทด เลขาธิการพรรครวมแผ่นดินและกรรมการบริหารพรรค รวมทั้งน.ส.กชพร เวโรจน์ ที่ปรึกษาพรรคฯเข้าร่วม
นายจำลอง ครุฑขุนทด เลขาธิการพรรครวมแผ่นดิน ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนขึ้นปราศรัยกับสมาชิกพรรครวมแผ่นดินว่า พรรครวมแผ่นดินซึ่งมีพล.อ.วิ๙ย์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นหัวหน้าพรรคฯได้มอบหมายให้ตนและกรรมการบริหารพรรคฯมาประชุมเพื่อพบปะสมาชิกของพรรคฯจะมีการประชุมใหญ่ที่กรุงเทพฯเพื่อปรับโครงสร้างใหม่อีกครั้งในช่วงเดือนธันวาคมนี้ โดยขณะนี้พรรครวมแผ่นดินได้จัดตั้งที่ทำการพรรคฯแห่งใหม่ที่เมืองทองธานีซึ่งจะเปิดที่ทำการใหม่อย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า และจากนั้นจะเริ่มดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดคือมีการประชุมใหญ่เพื่อปรับโครงสร้างใหม่ให้เข้มแข็ง โดยจะมีการตั้งสาขาพรรคตามที่กฎหมายกำหนดด้วย
เลขาธิการพรรครวมแผ่นดิน กล่าวอีกว่า พรรครวมแผ่นดินเป็นพรรคการเมืองที่รวบรวมผู้ที่มีความรู้ ความสามารถและมากไปด้วยประสบการณ์ทั่วแผ่นดิน ซึ่งหัวหน้าพรรคมักจะพูดกับทีมงานเสมอว่าท่านเป็นประชาชนคนไทยธรรมดาคนหนึ่งที่มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ส่งเสริมประชาธิปไตย ส่งเสริมการศึกษาให้เยาวชนตลอดมา ก็จะขอใช้ประสบการณ์ความรู้ ความสามารถที่มีผสมผสานกับแนวคิดของคนรุ่นใหม่ รุ่นเก่า เทคโนโลยีทันสมัยเข้าด้วยกันเพื่อให้บรรลุถึงวัตถุประสงค์เดียวกันทั้งประเทศ
“ท่านหัวหน้าพรรคฯตั้งเป้าว่าในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นครั้งต่อไป จะต้องได้ที่นั่งส.ส.ทั่วประเทศ 20-25 ที่นั่ง ทั้งจากส.ส.เขตและปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งปัจจุบันเรามีส.ส.ในสภาฯแล้ว 6 ที่นั่ง ในช่วงนี้พรรคจึงต้องเดินสายพบปะสมาชิกพรรค โดยฐานเสียงของพรรครวมแผ่นดินจะอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ อีสานและภาคกลาง”นายจำลอง กล่าวและว่า
สำหรับการวางตัวและเปิดตัวผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งจะมีขึ้นภายหลังการปรับโครงสร้างพรรคแล้ว แต่เรายืนยันว่าไม่ได้เป็นพรรคนอมินี แต่เป็นพรรคของคนไทยทั่วไปทุกวัย ทุกช่วงอายุและทุกอาชีพในประเทศไทย เพราะทุกวันนี้ปัญหาความขัดแย้งในประเทศก็ยังมีอยู่ แม้จะสงบขึ้นบ้างแต่ยังมีความแตกแยกอยู่ เพราะฉะนั้นพรรครวมแผ่นดินจะยืนหยัดและยึดผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก
จากนั้นนายจำลอง ได้ขึ้นบนเวทีเพื่อจุดธูปพระประธานและเคารพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยสมาชิกทุกคนลุกขึ้นยืนตรงพร้อมกัน จากนั้นได้กล่าวปราศรัยบนเวทีกับสมาชิกพรรครวมแผ่นดิน และแนะนำน.ส.กรพช เวโรจน์ ภริยาของพลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ในนามที่ปรึกษาพรรครวมแผ่นดินว่า น.ส.กชพรเป็นกำลังสำคัญของพรรคและเมื่อวาน(5 พ.ย.)เพิ่งจะเป็นวันครบรอบวันคล้ายวันเกิดขอให้สมาชิกทุกคนปรบมือ
เลขาธิการพรรครวมแผ่นดิน ปราศรัยบนเวทีมีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า เวทีพบปะสมาชิกพรรคที่เชียงใหม่ในครั้งนี้ได้เห็นถึงพลังความยิ่งใหญ่และเป็นที่น่าประทับใจยิ่งนักเพราะมีคนมาร่วมรับฟังมากกว่าบางพรรคการเมืองที่มาเปิดตัวที่เชียงใหม่ ซึ่งพรรครวมแผ่นดินไม่ได้เป็นพรรคนอมินีให้ใคร แต่พรรคเราจะทำให้หัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย จะไม่ขายฝันแต่จะเอาปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนมาเป็นนโยบาย แม้ระยะแรกอาจจะไม่ถูกใจ แต่จะทำให้ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหายาเสพติด อาชญากรรม คอรัปชั่น ซึ่งจะทำนโบายให้เกิดความยั่งยืน จะทำประชาธิปไตยให้เป็นของทุกคน ไม่ใช่ของครอบครัวใด ครอบครัวหนึ่ง แต่จะเป็นครอบครัวไทยแผ่นดินไทย การเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้พรรคจะเดินอย่างสง่างามในเวทีการเมือง พรรคจะไม่ตั้งเป็นพรรคเฉพาะกิจแต่จะพัฒนาพรรคให้เป็นสากล เรื่องการแก้ไขปัญหาความยากจนจะเป็นนโยบายสำคัญ ซึ่งตอนนี้รัฐบาลได้ทำแล้ว แต่ต่อไปจะทำให้ประชาชนอยู่ได้ ถ้าได้เข้ามาบริหารอีกก็จะทำให้คนไทยได้กินอิ่ม นอนสบายอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแกนนำที่น่าสนใจที่พามวลชนมาร่วมรับฟังการปราศรัยในครั้งนี้ได้แก่ นายศุภคิน วงษ์ษา อดีตนายกเทศมนตรีเมืองต้นเปาหลายสมัย ซึ่งนายศุภคินเปิดเผยว่าได้รับการทาบทามจากพล.อ.วิชญ์ตั้งแต่ที่มีการยกคำสั่งม.44 ของคสช.แล้ว และตนได้ตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมแผ่นดิน โดยจะลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ ซึ่งพรรคจะส่งผู้ลงสมัครเพียง 5 เขตเลือกตั้งตามที่ผู้ใหญ่ในพรรคได้พูดคุยกัน ประกอบด้้วย เขตเลือกตั้งอ.สารภีเขต 2 เขตเลือกตั้งที่ 3 เขต 4 เขต 5 และเขต 6
