จังหวัดเชียงใหม่ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ ยันเดินหน้าตรวจกลุ่มเสี่ยง 979 ราย ผลเป็นลบ 23 ธ.ค. ตรวจเพิ่มอีก 588 ราย ยังรอผล เตรียมคืนพื้นที่ 3 ตำบลของแม่อายเข้าสู่สภาวะปกติ
วันที่ 23 ธ.ค. 63 ที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจจังหวัดเชียงใหม่ นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันแถลงถึงสถานการณ์การสอบสวนโรคโควิด-19 ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ โดย นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รอง ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวและประชาชนในเชียงใหม่เอง เดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่เพื่อสัมผัสอากาศที่หนาวเย็นเป็นจำนวนมาก ในขณะที่พื้นที่หลายจังหวัดพบผู้ติดเชื้อซึ่งอยู่ในความดูแลของแพทย์แต่ละพื้นที่แล้ว ในส่วนของเชียงใหม่ต้องเรียนว่ายังมีความปลอดภัยสูง เจ้าหน้าที่ทำงานกันอย่างเข้มข้น
ด้าน นพ.จตุชัย มณีรัตน์ สสจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า การควบคุมโรคของจังหวัดเชียงใหม่จากกรณีที่มีการระบาดในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร และกรณีผู้ที่อาศัยใน อ.แม่อาย แล้วเดินทางไป จ.พระนครศรีอยุธยา ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่ได้เร่งดำเนินการควบคุมไม่ให้สถานการณ์ลุกลามในพื้นที่ของเชียงใหม่ ซึ่งมีกิจกรรมสำคัญที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 63 ที่ผ่านมา ประการแรกได้มีการเร่งค้นหากลุ่มเสี่ยงในพื้นที่เสี่ยง ได้แก่ ตลาด ห้องเย็น ซึ่งอาจรับสินค้ามาจากสมุทรสาคร รวมถึงกลุ่มแรงงานต่างด้าว อีกทั้งพื้นที่ 3 ตำบลใน อ.แม่อาย ได้แก่ ต.แม่อาย มะลิกา และ ต.ท่าตอน
“ในการค้นหาว่ามีผู้ติดเชื้อหรือไม่ ได้ดำเนินการค้นหาในแหล่งที่สำคัญ ดังนี้ วันที่ 21 ธ.ค. ได้สุ่มตรวจย่านตลาดคำเที่ยง และย่านป่าแพ่ง รวมทั้งในพื้นที่ อ.แม่อาย ยอดตรวจรวมทั้งสิ้น 376 ราย วันที่ 22 ธ.ค. ได้สุ่มตรวจบริเวณตลาดเมืองใหม่ซึ่งเป็นแหล่งที่คาดว่าเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงสุดของเชียงใหม่ และตรวจในพื้นที่ อ.แม่อาย ต่อเนื่อง รวมยอดตรวจทั้งสิ้น 603 ราย รวม 2 วัน ยอด 979 ราย ผลตรวจทั้งหมดเป็นลบ ยังไม่พบผู้ติดเชื้อในพื้นที่ จ.เชียงใหม่” สสจ.เชียงใหม่ กล่าว
“ในวันนี้ (23 ธ.ค.) ได้มีการลงพื้นที่สุ่มตรวจในชุมชนอุ่นอารีย์ ชุมชนบ้านท่อ ซึ่งได้รับการแจ้งว่ามีแรงงานต่างด้าวพักอาศัยในพื้นที่เป็นจำนวนมาก สุ่มตรวจได้ 153 ราย รอผลการตรวจซึ่งจะออกในคืนนี้ และในพื้นที่ อ.แม่อาย ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการลงพื้นที่สุ่มตรวจได้จำนวนทั้งสิ้น 435 ราย ซึ่งรอผลตรวจจะออกในคืนนี้เช่นเดียวกัน” นพ.จตุชัยฯ กล่าว
สสจ.เชียงใหม่ กล่าวต่อว่า อีกมาตรการได้มีการเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้มีการป้องกันตนเอง โดยการสวมหน้ากากอนามัย 100% เว้นระยะ หมั่นล้างมือ และมีการใช้แอพพลิเคชั่น “ไทยชนะ” เมื่อเดินทางไปในสถานที่ต่างๆ นอกจากนี้ยังได้มีการวางแผนตรวจในพื้นที่เสี่ยงต่างๆ รวมทั้งสิ้น 10 จุด ในเบื้องต้น คาดว่าจะใช้เวลาในการเอ็กซ์เรย์พื้นที่เสี่ยงทั้งชุมชนต่างด้าว ทั้งตลาดสดต่างๆ อีกราว 1 สัปดาห์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้จังหวัดเชียงใหม่
“กรณีอำเภอแม่อายได้มีการตั้งสมมุติฐานว่า ผู้ป่วยที่อยุธยาที่ป่วยหลังจากกลับจาก อ แม่อายน่าจะมีการรับเชื้อจากในพื้นที่ ซึ่งในสถานการณ์ที่ยังไม่มีความชัดเจนว่ามีผู้ติดเชื้อซ่อนเร้นในอำเภอแม่อายว่ามีจำนวนเท่าใด จังหวัดได้วางแผนตรวจค้นหาโควิด-19 ทั้ง 3 ตำบลภายใน 3 วัน โดยระดมบุคลากรจากทั้ง อ.เมืองเชียงใหม่ ไชยปราการ อ.แม่อาย และ อ.ฝาง เข้าพื้นที่สุ่มตรวจ เพื่อประโยชน์ในการควบคุมโรค โดยในระหว่างการค้นหาผู้ป่วยซ่อนเร้นนี้ได้ขอให้มีการชะลอการเดินทางเข้าออกในพื้นที่ 3 ตำบล เพื่อประโยชน์ในการควบคุมโรค แต่การใช้ชีวิตในพื้นที่ยังคงเป็นปกติ ไม่ใช่การล๊อคดาวน์ และวันนี้ (23 ธ.ค.) เป็นวันที่สามซึ่งเป็นวันสุดท้ายในการตรวจค้นหา พรุ่งนี้ (24 ธ.ค.) ก็จะคืนพื้นที่ให้ทั้ง 3 ตำบล สามารถเดินทางเข้าออกใช้ชีวิตได้โดยปกติ” นพ.จตุชัย มณีรัตน์ กล่าว
ด้าน นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รอง ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า ต้องขอฝากไปยังนายจ้าง รวมถึงลูกจ้าง ไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือแรงงานต่างด้าว ซึ่งเป็นผู้ใช้แรงงานและเคยเดินทางติดตามนายจ้างไปในพื้นที่ต่างๆ หากว่ากลับเข้ามาสู่จังหวัดเชียงใหม่ ขอให้แจ้งหรือรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อช่วยกันตรวจตราเฝ้าระวัง ตรวจสุขภาพให้กับทุกท่านเพื่อจะได้ปลอดจากโควิด-19 ซึ่งแพร่ระบาดอยู่ในหลายๆ พื้นที่ขณะนี้ และขอให้ทุกคนดูแลสุขภาพ ป้องกันตนเองตามมาตรการทางสาธารณสุขด้วย