อธิบดีกรมอุทยานฯชี้ไฟไหม้ป่าน้ำมือมนุษย์ 100% ปธ.กรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติวุฒิสภาฯให้กำลังใจชุดดับไฟ

อธิบดีกรมอุทยานฯชี้ไฟไหม้ป่าน้ำมือมนุษย์ 100% ปธ.กรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติวุฒิสภาฯให้กำลังใจชุดดับไฟ

ปธ.กรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา มอบเงินและให้กำลังใจจนท.และอาสาสมัครดับไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ขณะที่อธิบดีกรมอุทยานฯยันไฟไหม้ป่าเกิดจากน้ำมือมนุษย์ 100% ปลุกแนวร่วมท้องที่สอดส่องพวกลักลอบเผา

เมื่อวันที่ 4 มี.ค.63 ที่สวนรุกชาติห้วยแก้ว อ.เมืองเชียงใหม่  พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ในฐานะประธานมูลนิธิผู้พิทักษ์ป่าและรักษาทะเล  และคณะได้เดินทางมาติดตามการปฏิบัติงานและตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า รวมทั้งเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครดับไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช,นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่,นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมให้การต้อนรับ

พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ในฐานะประธานมูลนิธิผู้พิทักษ์ป่าและรักษาทะเล กล่าวว่า การเดินทางมาในครั้งนี้มีภารกิจในฐานะสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 270 เพิ่มหน้าที่และอำนาจให้สมาชิกวุฒิสภาศึกษา จึงต้องมาติดตามความก้าวหน้าการปฏิรูปกฎหมายและมติครม.เมื่อ 26 พ.ย.61 เกี่ยวกับการจัดการที่ดินของราษฎรเพื่อให้ป่าและชุมชนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุล รวมถึงการมุ่งเน้นโครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคงเฉพาะพื้นที่และสรุปประเด็นปัญหา อุปสรรคที่สำคัญเพื่อที่จะนำมาถอดบทเรียนและนำไปสู่การต่อยอดที่มีประสิทธิภาพต่อไป โดยวันนี้มาติดตามกรณีของอ.แม่แจ่มและจ.แม่ฮ่องสอน

ส่วนกิจกรรมในภาคเช้า ตนและคณะมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า ซึ่งสมัยที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็ให้ความสำคัญในเรื่องของสุขภาพของเจ้าหน้าที่ดับไฟ ซึ่งที่ผ่านมาสมัยปี 2560 ปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือและเชียงใหม่ไม่ได้รุนแรงมากเท่าปัจจุบัน เมื่อปี 60 ประชาชนยังแทบไม่ต้องใส่หน้ากากกันฝุ่นควัน แต่ปีที่ผ่านมาสภาพปัญหารุนแรงขึ้น มีการลักลอบเผาในพื้นที่ป่ามากขึ้น ซึ่งไฟป่าก็ล้วนเกิดจากน้ำมือมนุษย์ และผู้ที่เข้าไปดับไฟก็มีความเสี่ยงมาก ตอนนั้นได้ให้นโยบายไปแล้วว่าจะต้องมีการตรวจสุขภาพเจ้าหน้าที่ทั้งก่อนปฏิบัติงานและหลังปฏิบัติงานด้วย  เนื่องจากที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติงานป้องกันและดับไฟป่ากันอย่างหนัก ต้องใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ป่านานหลายวัน ต้องสูดดมควันไฟ จึงส่งผลให้เจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และปวดตามกล้ามเนื้อจากการเดินเท้าเข้าไปดับไฟป่าในพื้นที่เขาสูงชัน

จากนั้นพลเอกสุรศักดิ์ ยังได้มอบเงินกองทุนมูลนิธิผู้พิทักษ์ป่าและรักษาทะเล ให้กับเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าและเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า จำนวน 10,000 บาท ขณะเดียวกัน มีตัวแทนจากภาคเอกชน ได้มอบไข่ไก่จำนวน 30,000 ฟอง และน้ำดื่ม เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการป้องกันและดับไฟป่าด้วย

นอกจากนั้น ทางโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่และศูนย์ศรีพัฒน์ ได้จัดทีมแพทย์ พยาบาล มาตรวจสุขภาพให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคน

ทางด้านนายธัญญา  เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ไฟป่าปีนี้เกิดขึ้นในหลายๆ พื้นที่ เกิดจากน้ำมือมนุษย์ทั้งสิ้น ด้วยสภาพความแห้งแล้ง และการลักลอบเข้าป่า ล่าสัตว์ หาของป่าและการจุดไฟเผา ของชาวบ้านที่  รวมไปถึงการเผาเพื่อเตรียมพื้นที่ทำการเกษตร แต่ไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้ไฟลุกลามไหม้พื้นที่ป่า ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้พยายามอย่างเต็มที่ในการเฝ้าระวังป้องกัน รวมถึงการเร่งดับไฟป่าที่เกิดขึ้น

“ตอนนี้ได้มีการสวิงกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเสือไฟจากพื้นที่อื่นๆ เข้ามาช่วยพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อเกิดไฟจะต้องเร่งเข้าไปดับให้เร็วที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดการลุกลามเหมือนจากที่หลายๆ พื้นที่ประสบอยู่ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือปีที่ผ่านมาทางกรมอุทยานฯสูญเสียกำลังพล ข้าราชการและจิตอาสาจากการเข้าไปดับไฟป่า ซึ่งก็อยากจะวิงวอนขอความร่วมมือจากทุกๆ ฝ่ายช่วยกันป้องกัน เพราะปีนี้มีความแห้งแล้งมากกว่าปีที่ผ่านมาทำให้เราสูญเสียป่าไม้ไปค่อนข้างมาก หากผู้นำชุมชน ท้องถิ่นมาช่วยเป็นหู เป็นตา สอดส่องร่วมกับเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้คนลักลอบเข้าป่าแล้วเผา ซึ่งทางกรมฯเองก็เพิ่มกำลังทำงานร่วมกับทางจังหวัดและพื้นที่ที่จะป้องปรามและป้องกันให้ดีที่สุด”อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวชี้แจง.

You may also like

ททท. จัดใหญ่เอาใจคนรักเนื้อและชาวแคมป์มาแอ่วเหนือรับลมหนาวกับงาน “Amazing Chiang Mai Meat and Camp 2024” ระหว่างวันที่ 5-8 ธันวาคมนี้ ที่สวนอบจ.เชียงให

จำนวนผู้