“DHOUSE”เตรียมไอพีโอ 217.20 ล้านหุ้นเข้าตลาดเอ็ม เอ ไอ ก้าวสู่ความเป็นผู้นำอสังหาฯภาคอีสาน

“DHOUSE”เตรียมไอพีโอ 217.20 ล้านหุ้นเข้าตลาดเอ็ม เอ ไอ ก้าวสู่ความเป็นผู้นำอสังหาฯภาคอีสาน

ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง บมจ.ดีเฮ้าส์พัฒนา เตรียมไอพีโอ 217.20 ล้านหุ้นเข้าตลาดเอ็ม เอ ไอ ปธ.จนท.บริหาร“DHOUSE”เผยเพื่อระดมทุนพัฒนาโครงการแนวราบ อาคารพาณิชย์ตามแผนธุรกิจ พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำการพัฒนาอสังหาฯภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผนึก APM ที่ปรึกษาทางการเงินและบล.ฟิลลิปแกนนำการจัดจำหน่ายเดินสายโรดโชว์ 10 จังหวัดทั่วประเทศ

เมื่อค่ำวันที่ 23 กันยายน 2563 ที่ โรงแรมดิเอ็มเพรส บริษัท ดีเฮ้าส์พัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ DHOUSE โดย คุณพงศ์พจน์ เลิศรุ้งพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คุณอรรถ เลิศรุ้งพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีเฮ้าส์พัฒนา จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย  คุณเสกสรรค์ ธโนปจัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และ คุณวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)ในฐานะแกนนำการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ได้มี“การนำเสนอข้อมูลแนะนำบริษัท พร้อมทั้งรายละเอียดเบื้องต้นของการเสนอขายหุ้นไอพีโอ”

นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัดหรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินบริษัท ดีเฮ้าส์พัฒนา จำกัด(มหาชน) หรือ DHOUSE เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(สำนักงานก.ล.ต.)เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์หรือไฟลิ่ง เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งแรกต่อประชาชน(IPO)ของดีเฮ้าส์พัฒนาในวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อย โดยหลังจากนี้บริษัทเตรียมเดินหน้านำเสนอข้อมูลธุรกิจของบริษัท(โรดโชว์) พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนรายย่อยและประชาชนทั่วไป โดยจะทำการโรดโชว์ 10 จังหวัดทั่วประเทศจังหวัด ประกอบด้วย ชลบุรี นครปฐม นครสวรรค์ นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี สงขลา และกรุงเทพมหานคร ในระหว่างวันที่ 17 ก.ย. – 28 ก.ย.63

“ธุรกิจของดีเฮ้าส์มีศักยภาพการเติบโตในอนาคต เนื่องจากกลุ่มผู้บริหารมีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจ เป็นหนึ่งในผู้นำอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดมหาสารคาม มีประสบการณ์ในการพัฒนาอสังหาฯเป็นอย่างดี  รวมถึงเข้าใจพฤติกรรมและความพร้อมการของลูกค้า จึงมีความสามารถนการทำกำไรที่ดี การเดินทางไปโรดโชว์จึงเป็นการนำเสนอข้อมูลให้นักลงทุนได้เข้าใจธุรกิจของบริษัทมากยิ่งขึ้น”นายสมภพ กล่าว

ด้านนายเสกสรร ธโนปจัย ประธานเจ้าหน้าที่บริษัท บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัดในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินกล่าวว่า บริษัท มีทุนจดทะเบียนจำนวน 420 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 311.40 ล้านบาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาทและอีกจำนวน 217.20 ล้านหุ้นจำเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งแรกต่อประชาชน(IPO)คิดเป็นสัดส่วน 25.86% ทั้งนี้ดีเฮ้าส์เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ DHOUSE ในครั้งนี้

ขณะที่นายพงศ์พจน์ เลิศรุ้งพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ดีเฮ้าส์พัฒนาฯกล่าวว่า DHOUSE เป็นผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์เพื่อขายหลากหลายรูปแบบ อาทิ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ และอาคารพาณิชย์ด้วยประสบการณ์ที่มีมากกว่า 10 ปีจึงทำให้บริษัทเป็นผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ระดับแนวหน้าของมหาสารคาม อีกทั้งอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดมหาสารคามเติบโตเป็นอันดับ 5 ของภาคตะวันออมเฉียงเหนือรองจากนครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานีและอุดรธานี ซึ่งมีโอกาสการขยายตัวอีกมาก ปัจจุบันมีโครงการที่ดำเนินการอยู่คือ โครงการเดอะแกรนด์ เรสซิเดนซ์,โครงการเดอะ แกรนด์ คาแนล,โครงการแกรนด์ บิซ,โครงการพฤกภิรมย์ ศาลากลางและมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการยูปาร์คและโครงการแกรนด์บิซ 2 ในปีหน้า

“DHOUSE ถือเป็นบริษัทมหาชนจำกัดแห่งแรกของมหาสารคามและยังเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่เตรียมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยการระดมทุนของบริษัทในครั้งนี้ เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ตามแผนธุรกิจและแผนการตลาดในโครงการพฤกภิรมย์ โครงการ U Park และโครงการแกรนด์ บิซ 2 และเพื่อชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพก้าวสู่ความเป็นผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อขยายโอกาสและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ นอกจากนี้ยังได้รับความน่าเชื่อถือจากลูกค้า คู่ค้าและสถาบันการเงินมากยิ่งขึ้น สร้างความมั่นคงและความยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาว” นายพงศ์พจน์ กล่าวชี้แจง.