รพ.มหาราชนครเชียงใหม่เผยเชียงใหม่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม แต่มีนักท่องเที่ยวชาวจีน 2 รายที่เฝ้าระวังและรอผลตรวจยืนยัน

รพ.มหาราชนครเชียงใหม่เผยเชียงใหม่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม แต่มีนักท่องเที่ยวชาวจีน 2 รายที่เฝ้าระวังและรอผลตรวจยืนยัน

คณะแพทย์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่เผยเชียงใหม่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม แต่มีนักท่องเที่ยวชาวจีน 2 รายที่เฝ้าระวังและรอผลตรวจยืนยันจากส่วนกลางจากทั้งหมด 17 รายที่เข้าข่ายและมารักษาส่วนบุคลากรที่ดูแลมี 3 รายเข้าข่ายแต่ไม่พบเชื้อไวรัสโคโรนา

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ห้องประชุมชั้น 15 อาคารเฉลิมพระบารมี คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศ.นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมด้วยรศ.นพ. ชัยวัฒน์ บำรุงกิจ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ,ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ ผู้อำนวยการและผู้บริหารศูนย์ศรีพัฒน์, รศ.พญ.อรินทยา พรหมินธิกุล รองผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และอ.นพ.ปรเมษฐ์ วินิจจะกูล หน่วยโรคติดเชื้อและเวชศาสตร์เขตร้อน ภาควิชาอายุรศาสตร์  คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าการรักษาผู้ป่วยจากไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ 2019 และการดูแลความปลอดภัยของบุคลากรและประชาชนที่มาใช้บริการ

ศ.นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยพบผู้เข้าข่ายต้องสงสัยที่จะติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 มากถึง 200 คน แต่เมื่อตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้วพบว่าติดเชื้อไวรัสโคโรน่าเพียง 25 คน ในส่วนของทีมแพทย์ได้มีการระดมกำลังในการศึกษาวิธีการให้การรักษาผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง จนผู้ป่วยสามารถหายได้ ซึ่งถือว่าเป็นโชคดีของประเทศไทยที่ไม่มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรง

สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ ที่ผ่านมาก็ได้มีการตรวจสอบพบผู้ป่วยในพื้นที่จำนวน 1 ราย จากจำนวนผู้เข้าข่ายต้องสงสัยทั้งจังหวัด 60 รายและเป็นผู้ป่วยเข้าข่ายต้องสงสัยที่มาตรวจรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่จำนวน 17 ราย โดยในจำนวนนี้พบเพียง 1 รายที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งได้มีการเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่จนขณะนี้อาการดีขึ้นแล้ว และยังมีอีก 2 รายที่เข้าข่ายเฝ้าระวังกำลังรอผลการตรวจจากกระทรวงสาธารณสุข ส่วนบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำการดูแลและรักษานั่นมี 3 รายที่เข้าข่ายแต่ก็ให้หยุดพักและรักษาตัวซึ่งก็ไม่พบเชื้อไวรัสโคโรนาแต่ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดธรรมดาเท่านั้น

ด้าน อ.นพ.ปรเมษฐ์ วินิจจะกูล หน่วยโรคติดเชื้อและเวชศาสตร์เขตร้อน ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ที่ผ่านมา จังหวัดเชียงใหม่ได้มีผู้ป่วยชาวจีนอายุ 28 ปีเดินทางจากเมืองจิงโจว มณฑลหูเป่ย มาถึงเชียงใหม่ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2563 และได้มาเข้าตรวจรับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราช ในวันที่ 21 มกราคม ด้วยอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก ผลการตรวจตัวอย่าง จากช่องจมูกและคอ ตรวจไม่พบเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 จากห้องปฏิบัติการ 2 แห่งและ 2 ครั้งคือในวันที่ 22 และวันที่ 25 โดยภาพรังสีปอดเบื้องต้นเป็นปกติ แต่เนื่องจากในวันที่ 27 ผู้ป่วยยังคงมีไข้และมีอาการไอมากขึ้น ทางคณะแพทย์จึงได้ทำการตรวจภาพรังสีทรวงอกซ้ำอีกครั้งและเมื่อพบว่ามีปอดอักเสบจึงได้ทำการส่องกล้องทางหลอดลมและตรวจพบเชื้อจากน้ำล้างปอด ขณะนี้ผู้ป่วยได้พักรักษาตัวอยู่ในห้องแยกความดันอากาศเป็นลบสำหรับผู้ติดเชื้อทางเดินหายใจ

ทางทีมผู้รักษาได้ให้การรักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ยาขับเสมหะ ให้สารน้ำและออกซิเจน ทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นตามลำดับ โดยไข้เริ่มลดลงตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม และปัจจุบันไม่มีไข้แล้ว ซึ่งคณะแพทย์ผู้รักษากำลังรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อยืนยันว่าผู้ป่วยพ้นระยะแพร่เชื้อแล้ว จึงจะจำหน่ายผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล ทั้งนี้ยังคงมีผู้ต้องสงสัยอีก 2 ราย ที่ยังคงรอผลการตรวจสอบ ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งขณะนี้อยู่ในการดูแลของทางเจ้าหน้าที่แล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทีการเก็บตัวอย่าง และส่งไปตรวจแล้วแต่ยังคงต้องรอผลการยืนยันจากส่วนกลางอีกครั้งหนึ่งต่อไป

ขณะที่รศ.นพ. ชัยวัฒน์ บำรุงกิจ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ กล่าวว่า สำหรับมาตรการป้องกันและดูแลความปลอดภัยการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่านั้น ทางโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งทางโรงพยาบาลมีการวางมาตรการเฝ้าระวังการติดเชื้อในผู้ป่วยรายอื่นๆ และบุคลากรทางการแพทย์อย่างเข้มข้น โดยได้มีการกำหนดให้มีการจำกัดทางเข้า -ออก ของอาคารต่างๆ เหลือเพียง 5 จุด

โดยทุกทางเข้าออกจะมีจุดคัดกรอง ซึ่งบุคลากรและประชาชนผู้มารับบริการทุกท่าน จะต้องผ่านจุด Thermoscan หรือวัดอุณหภูมิร่างกาย รวมทั้งทำความสะอาดมือด้วยแอลกอฮอล์เจล โดยถ้าหากหากพบผู้ใดมีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส มีอาการไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หรือหายใจหอบเหนื่อย และมีประวัติเดินทางไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนและต่างประเทศ ภายใน14 วัน เจ้าหน้าที่จะแยกเพื่อไปรับการตรวจที่ OPD สนามหน้าอาคารนินมานเหมินทร์-ชุติมา ตามแนวทางการป้องกันและควบคุมโรค โดยรพ.มหาราชนครเชียงใหม่ใช้บุคลากรที่ทำหน้าที่ในการตรวจคัดกรองสับเปลี่ยนกันถึง 7,000 คน ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันนี้ยังไม่พบว่ามีบุคลากร หรือผู้ป่วยรายใดติดเชื้อต่อจากผู้ป่วยรายดังกล่าว และจนถึงวันนี้ ยังไม่พบ ผู้ป่วยรายใหม่ในจังหวัดเชียงใหม่แต่อย่างใด.

You may also like

กลุ่ม Chiang Mai Pride จับมือร่วมกับ Asset World Corporation (AWC) และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดงาน “Chiang Mai Colourful Pride Month 2024” เพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ และเชื่อมโยงการท่องเที่ยว

จำนวนผู้