เชียงใหม่ / เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ประกาศคนรุ่นใหม่พร้อมสืบสานการต่อสู้เพื่อปกป้องดอยสุเทพ ยันต้องรื้อบ้านพักตุลาการ 45 หลัง กับอาคารชุด 9 หลังออกเท่านั้น หาก 29 เม.ย.นี้ นายกฯ ชี้ให้สร้างต่อ หรือเป็นศูนย์เรียนรู้ มียกระดับการเคลื่อนไหวแน่นอน
นายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ เปิดเผยภายหลังจัดกิจกรรม ฉันรักดอยสุเทพ You can break my heart but don’t hurt Doi Suthep ที่ศูนย์ธรรมชาติวิทยาดอยสุเทพ เมื่อบ่ายวันที่ 19 เม.ย. ว่า ดอยสุเทพเป็นสิ่งที่ชาวเชียงใหม่เคารพ เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนเชียงใหม่ คนหลายรุ่นได้ต่อสู้เพื่อปกป้องดอยสุเทพมาตลอดไม่ว่าจะเป็นเรื่องการก่อสร้างกระเช้าลอยฟ้า ขยะ สิ่งที่ไม่ดีไม่งามต่อดอยสุเทพ คนเก่าแก่ได้ร่วมกันต่อสู้มาแล้ว แต่ถึงขณะนี้มีหมู่บ้านแห่งหนึ่งเข้ามาทำลายโค่นป่าบนดอยสุเทพ เราในฐานะคนรุ่นใหม่ก็จะสู้ต่อ ไม่ยอมให้ใครทำสิ่งที่ไม่ดีต่อดอยสุเทพ
โดยในวันพรุ่งนี้ (20 พ.ค.) จะมีการประชุมร่วมกับจังหวัดอีกครั้ง เพื่อสรุปว่าส่วนไหนที่ล้ำแนวป่าขึ้นไป และส่วนไหนไม่เหมาะสม ควรรื้อออก ซึ่งคาดว่าทางศาลจะอนุญาตให้เข้าพื้นที่ได้ แต่ถ้าทางศาลไม่ให้เข้าไป ก็จะใช้ภาพถ่ายทางอากาศ แล้วประชุมสรุปกันว่าจะเอาแนวไหน ซึ่งตนเชื่อว่าแนวป่าดั้งเดิมเป็นแนวที่ถูกต้อง นั่นคือต้องรื้อบ้านพัก 45 หลัง และอาคารชุดอีก 9 หลังออกไป
เราควรคืนผืนป่า ไม่ควรเสียดายงบ เพราะใครก็ไม่ไปอยู่ หากจะให้ทำเป็นศูนย์เรียนรู้คนเชียงใหม่ก็สาปแช่งที่บริเวณนี้ไว้หมดแล้ว การจะเข้าไปใช้งานก็ไม่เหมาะสม เนื่องจากเป็นบ้าน สร้างไว้เป็นหลังๆ ไม่ใช่ศูนย์เรียนรู้ และการจะเข้าไปในที่แห่งนี้ก็มีถนนเส้นเดียว ต้องเข้าจากศาลอุทธรณ์ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย คนจะเข้าไปใช้ต้องแต่งกายเรียบร้อย แล้วเข้าไปอีกร่วม 2 กิโลเมตร ดูอย่างไรก็ไม่เหมาะ ซ้ำเป็นที่ของศาล ไม่ใช่ที่ของชาวบ้านที่จะเข้าไปได้ง่ายๆ
สำหรับเวลาที่กำหนดไว้คือ 29 เมษายน 2561 ถ้านายกรัฐมนตรียังไม่คืนผืนป่าให้ประชาชน ยังคิดว่าจะสร้าง หรือให้กลายเป็นศูนย์เรียนรู้ ทั้งที่ชาวเชียงใหม่ต่อสู้มาตั้งแต่แรกว่าขอคืนผืนป่าไม่ต้องการบ้าน ดังนั้นก็จะมีการประชุมลงมติกันว่าจะยกระดับการต่อสู้กันอย่างไร เชื่อว่าตอนนี้คนเชียงใหม่พร้อมแล้วที่จะรักษาป่าดอยสุเทพผืนนี้
“ผมขอร้องท่านนายกฯ ให้เข้ามาดูสักครั้ง จะเห็นว่าป่าแห่งนี้สมควรต้องรักษา ไม่ควรมีสิ่งแปลกปลอม ไม่มีมนุษย์ หรือเรียกว่า No man’s land ไม่ควรมีใครไปอยู่อาศัย หรือทำกิจกรรมใดๆ ทั้งสิ้นในที่ตรงนั้น” นายธีระศักดิ์ กล่าวในตอนท้าย.


ความเห็นล่าสุด