เที่ยว”ปาย-แม่ฮ่องสอน”ช่วงกรีนซีซั่น สัมผัสบรรยากาศและวิถีชีวิตในชุมชน วิถีชาติพันธุ์ “บ้านแพมบก”แหล่งท่องเที่ยวท่องเที่ยวที่ส่งเสริมเศรษฐกิจภายในชุมชน กับ “บ้านรักไทย”หมู่บ้านชาวจีนยูนนานที่ใครมาจะต้องหลงเสน่ห์และได้ความประทับใจกลับไปทุกครั้ง
สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ นำโดย นายอิทธิรัฐ สินารักษ์ ท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดเชียงใหม่, นายสมศักดิ์ อินทะชัย นายกสมาคมท่องเที่ยวโดยชุมชนภาคเหนือ, นายดำรงค์ องอาจ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชียงใหม่ , นายอธิรัตน์ มาศรัตน์ ประธานเครือข่ายท่องเที่ยวโดยชุมชนเชียงใหม่ รวมทั้งตัวแทนจากหน่วยงานองค์กรต่างๆ ตลอดจนสื่อมวลชน อินฟูเอ็นเซอร์ได้ร่วมกิจกรรมการประชาสัมพันธ์เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนวิถีชาติพันธุ์ “ ชาติพันธุ์สีสันแห่งล้านนา ” โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวชาติพันธุ์ สีสันแห่งล้านนาอย่างยั่งยืน (Ethnic Lanna Tourism) ประจำปี 2568 เส้นทางปาย-แม่ฮ่องสอนเมื่อ19-20 ก.ค.68
“ปาย” เป็นอำเภอเล็กอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่มีหุบเขาล้อมรอบ ที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของจังหวัดแม่ฮ่องสอนติดกับเขตอำเภอแม่แตง จ.เชียงใหม่และเป็นอำเภอที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติรู้จักกันดี ในช่วงกรีนซีซั่นหรือฤดูฝน แหล่งท่องเที่ยวในปายก็ไม่ต่างจากที่อื่นๆ แม้นักท่องเที่ยวจะลดลงแต่เสน่ห์การท่องเที่ยวในช่วงกรีนซีซั่นก็มีความสุขอีกรูปแบบหนึ่งคือ ผู้คนไม่พลุกพล่าน หนาแน่นเกินไป ไม่ต้องแย่งกันกิน แย่งกันใช้ โดยเฉพาะที่ “บ้านแพมบก” หมู่ที่ 6 ตำบลทุ่งยาว อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ห่างจากอำเภอประมาณ 13 กิโลเมตรมี การรวมกลุ่มของชุมชนเพื่อพัฒนาหมู่บ้านให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจภายในชุมชน แต่ยังคงไว้ซึ่งวิถีชีวิตเรียบง่ายและพอเพียง
ที่นี่มี “โขกู้โส่” สะพานบุญที่เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจระหว่างชาวบ้านและพระภิกษุสามเณรของชุมชน นับเป็นสะพานไม้ไผ่ที่มีความสวยงามและยาวมากอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งใช้เชื่อมระหว่างหมู่บ้านกับวัดห้วยคายคีรี คำว่า “ โข” แปลว่า “สะพาน”กู้โส่ แปลว่า “กุศลหรือบุญ” โขกู้โส่จึงหมายถึง “สะพานบุญ” สร้างขึ้นมาด้วยศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาวปายเพื่อให้พระสงฆ์ที่พุทธอุทยานห้วยคายคีรี ใช้เดินลัดทุ่งนาออกมาบิณฑบาตได้ใกล้กว่าเส้นทางเดิม โดยไม่เหยียบย่ำพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้าน ขณะเดียวกันก็อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวข้ามไปทำบุญ ไหว้พระพร้อมชมธรรมชาติสวยๆ ของป่าเขาและนาข้าวระหว่างทางอีกด้วย โดยแนวทางนี้ก็คล้ายกับ “ซูตองเป้”
อีกจุดหนึ่งที่ยังคงเป็นมนต์เสน่ห์ทุกช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวคือ “หมู่บ้านรักไทย” หมู่บ้านชาวจีนยูนนานหรือจีนฮ่อ อดีตทหารจีนคณะชาติ กองพล 93 ที่ได้อพยพลี้ภัยสงครามกลางเมืองเข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทย ในช่วงแรกเป็นเป็นการหลบหนีเข้ามายังไทยอย่างผิดกฎหมาย แต่ภายหลังจีนฮ่อกลุ่มนี้สามารถปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ได้ตามความต้องการของรัฐบาลไทย รัฐบาลจึงได้มอบสัญญาติให้กับชาวจีนฮ่อเหล่านี้ปัจจุบันมีอยู่ 320 ครัวเรือน ประชากรประมาณ 1,300-1,500 คน จาก 5 ชนเผ่า ประกอบด้วย จีนยูนนาน ไทยใหญ่ ละว้า ปะโอและกะเหรี่ยง
นายกฤตภาส ศรีกฤตภาสกูล นายกสมาคมผู้ประกอบการบ้านพักและร้านอาหารบ้านรักไทยพร้อมด้วย นายสวาท สุวรรณอร่าม ส.อบต.บ้านรักไทยและน.ส.อาหริ่ง แซ่หว่าง ผญบ.รักไทยร่วมกันให้ข้อมูลว่า ในช่วงกรีนซีซั่นนี้ที่หมู่บ้านรักไทยก็ยังคงมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ขาดสาย และมาจากหลากหลายแห่ง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นแบ็คแพ็คเกอร์มากับรถสองแถว ลูกค้าที่มาเป็นรถตู้หรือว่าลูกค้าที่มาแบบ private มาเป็นแบบ super car ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ก็เข้ามาค่อนข้างที่จะเยอะ
“เราก็พยายามที่จะมีการปรับปรุงแล้วก็พัฒนาในเรื่องการท่องเที่ยว โดยร่วมมือกับทางด้านของท่องเที่ยวและกีฬาและก็ททท.ในการจัดเก็บข้อมูลของผู้ประกอบการทั้งหมด เพื่อแก้ไขปัญหาในเรื่องของเพจปลอมด้วย โดยที่หมู่บ้านรักไทยนี้ปัจจุบันมีที่พักรีสอร์ทอยู่ประมาณ 80 แห่ง เราจะมีข้อมูลที่เป็นเบอร์จริงแล้วก็เป็นเลขบัญชีที่โอน เรามีการร่วมมือกับทางโยธาธิการและผังเมืองของแม่ฮ่องสอนในการทำในเรื่องของ MOU ว่าถ้าเราจะมีการสร้างห้องพัก เราจำเป็นที่จะต้องทำเป็นในลักษณะเป็นคอนเซ็ปต์ที่มันใกล้เคียงกัน หรือว่าเหมือนกันสีต้องเป็นสีที่เป็นธรรมชาติ สีดิน สีน้ำ สีไม้ พวกสีเทา สีอิฐ สีนวล เพื่อที่ให้ concept เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เรามีการวางแผนกันในเรื่องของระยะสั้นในเรื่องของ 3 ปี 5 ปี เราจะขายอะไรแล้วหลังจากนั้นอีก 5 ปีเราจะขายอะไรเพื่อให้การท่องเที่ยวที่ตรงนี้เป็นจุดดึงดูด”นายกสมาคมผู้ประกอบการบ้านพักและร้านอาหารบ้านรักไทย กล่าวและว่า
วันนี้โชคดีเลยที่ทางทางคณะเดินทางมา แล้วเป็นจังหวะที่เรากำลังปลูกในเรื่องของซากุระอยู่เป้าหมายของเราก็คือจะปลูกซากุระพันธที่เป็นสีบานเย็นให้ครบ 10,000 ต้นภายใน 3 ปี ซึ่งปีนี้ก็มีปลูกไปแล้วประมาณ 3,500 ต้น และในอีก 3 ปี 5 ปี”นักท่องเที่ยวจากทั้งทั้งคนไทยแล้วก็ต่างประเทศก็จะได้มาเที่ยวชมและถ่ายรูปสวยๆ กับซากุระสีชมพูที่บ้านรักไทย ซึ่งตอนนี้ที่นี่กำลัง popular มากที่เวียดนาม ,มาเลเซีย,สิงคโปร์ แล้วก็ล่าสุดของเราก็กำลังจะทำตลาดอินเดียด้วย ซึ่งทางอินเดียที่กำลังจะเข้ามาถ่ายทำหนังเป็นฟอร์มยักษ์ของบอลลี่วูด ก็เป็นชิ้นงานที่ถ่ายทำหนังของเรื่องบาฮู บาลี ซึ่งเขาจะมาถ่ายทำหนังที่บ้านรักไทยเหมือนกันก็จะมีโอกาสที่ดีในการที่จะไปต่อยอดในเรื่องการทำในเรื่องของตลาดอินเดีย นอกจากนี้ยังได้เชื่อมโยงกับทางเชียงใหม่ก็คือจะทำรูทให้นักท่องเที่ยวของไต้หวันเวลามาเที่ยวที่เชียงใหม่ ไปทางแม่สลอง ในอนาคตก็จะมาที่บ้านรักไทยด้วย
นายกฤตภาส กล่าวด้วยว่า ที่บ้านรักไทย มีโรงแรมอยู่ประมาณ 80 แห่งมีทั้งที่เป็นเต็นท์เป็น camping เป็นโฮมสเตย์แล้วก็เป็นห้องพัก ระดับราคามีราคาตั้งแต่ราคาหลักร้อย ประมาณ 400-500 บาทขึ้นไปก็เป็นกลุ่มลูกค้าระดับล่าง ลูกค้าระดับกลางที่มาเป็นครอบครัวที่เป็นหลักพันก็มี แล้วก็ที่เป็นการของลูกค้าที่เป็น พรีเมี่ยมที่หลากหลายพัน เป็นกลุ่มลูกค้าที่เป็นระดับบนก็มี ที่พักทั้งหมดก็ประมาณ 1,200 ห้อง เป็นผู้ประกอบการที่เป็นคนในชุมชนทั้งหมดเป็นเจ้าของ เราไม่มีนักลงทุนจากภายนอก ที่นี่จะเป็นชาวบ้านของบ้านรักไทยทั้งหมดเลย เรทราคาถ้าเป็นช่วงขายซีซั่นมีตั้งแต่ 500 ถึงหลักหมื่นขึ้นอยู่กับกำลังซื้อของลูกค้าในการเลือก.
