สภาอุตสาหกรรมภาคเหนือชง 6 ประเด็นหลักเสนอ “บิ๊กตู่”ในเวทีหารือร่วมที่เมืองสองแควระหว่างวันที่ 25-26 ธ.ค.นี้

สภาอุตสาหกรรมภาคเหนือชง 6 ประเด็นหลักเสนอ “บิ๊กตู่”ในเวทีหารือร่วมที่เมืองสองแควระหว่างวันที่ 25-26 ธ.ค.นี้

สภาอุตสาหกรรมภาคเหนือชง 6 ประเด็นหลักเพื่อนำเสนอในเวทีหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรี ในการประชุมยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคเหนือที่พิษณุโลกในระหว่างวันที่ 25-26 ธ.ค.นี้ ย้ำรัฐบาลต้องลงทุนและเริ่มสร้างสนามบินแห่งที่ 2 พร้อมพัฒนารันเวย์สนามบินในภาคเหนือให้รองรับอากาศยานขนาดใหญ่ รวมถึงระบบขนส่งมวลชนเชียงใหม่ที่มีผลการศึกษาออกมาแล้ว

นายวีระยุทธ สุขวัฒฑโก ประธานสภาอุตสาหกรรมภาคเหนือ เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 25-26 ธันวาคมนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาประชุมยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคเหนือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้แทนเกษตรกรจังหวัดภาคเหนือที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จังหวัดพิษณุโลก โดยจะมีการประชุมร่วมกันตัวแทนภาคส่วนต่างๆ ในวันที่ 25 ธันวาคมระหว่างเวลา 12.00-13.30 น.ซึ่งในส่วนของสภาอุตสาหกรรมภาคเหนือได้เตรียมเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางในการพัฒนาภาคเหนือ เพื่อเสนอต่อนายกรัฐมนตรีใน 5-6 ประเด็นหลัก

ประเด็นแรกเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ช่วยสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศในเวทีการค้าโลก และยังยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เพราะนอกจากจะช่วยลดต้นทุนด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ของประเทศแล้ว ยังส่งเสริมการเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาค ซึ่งต้องยอมรับว่าภาคเหนือมีศักยภาพในการเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้(NSEC) ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก(EWEC) ระเบียงเศรษฐกิจอนุภาคลุ่มน้ำโขง(GMS)และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ(BIMSTEC)

สิ่งที่ภาคเอกชนจะขอให้รัฐบาลดำเนินการคือการพัฒนาโครงข่ายทางการขนส่งทางอากาศ โดยเฉพาะการก่อสร้างสนามบินแห่งที่ 2 ซึ่งรัฐบาลจะต้องดำเนินการแล้ว ส่วนท่าอากาศยานเชียงใหม่(ทชม.)เดิมที่จะดำเนินการตามแผนพัฒนาระยะ 20 ปีก็ให้ดำเนินการต่อควบคู่กันไปเพราะตามแผนพัฒนาฯทชม.ในปี 2573 จากการคาดการณ์จะมีผู้โดยสารสูงถึง 35 ล้านคน ซึ่งจากนี้ไปถึงช่วงนั้นระยะเวลา 13 ปีหากรัฐบาลไม่ดำเนินการจะไม่ทันจึงขอให้นำผลการศึกษาที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ศึกษาไว้มาดำเนินการทันที

นอกจากนี้รัฐบาลจะต้องพัฒนาสนามบินอื่นๆ ในจังหวัดภาคเหนือเพื่อรองรับการเติบโตและขยายตัวในอนาคตด้วย ทั้งสนามบินจังหวัดแพร่ น่าน ลำปางและพิษณุโลก โดยขอให้ขยายรันเวย์หรือทางวิ่งเพื่อรองรับอากาศยานขนาดใหญ่ได้ และพัฒนาประสิทธิภาพระบบการให้บริการประชาชนของท่าอากาศยานพิษณุโลกด้วย

ประเด็นต่อมาคือเรื่องของการพัฒนาโครงข่ายการขนส่งทางบก เพื่อเพิ่มศักยภาพเครือข่ายเชื่อมโยงสนับสนุนการเ ติบโตทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวภาคเหนือ โดยเร่งรัดดำเนินการโครงการมอเตอร์เวย์เชียงใหม่-เชียงรายให้เร็วขึ้นกว่าระยะเวลาที่กำหนดในแผนแม่บทการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองของประเทศ ก่อสร้างศูนย์ขนส่งสินค้าไปสู่การขนส่งหลารูปแบบที่จังหวัดพิษณุโลกซึ่งมีผลการศึกษาของม.นเรศวรและเชื่อมต่อไปยังสถานีรถไฟศิลาอาสน์จังหวัดอุตรดิตถ์

พัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเมืองเชียงใหม่ ซึ่งระบบที่เหมาะสมจากผลการศึกษาคือระบบรถไฟฟ้ารางเบาหรือ LRT โดยเลือกโครงข่าย A มีทั้งบนดินและใต้ดิน โดยรัฐบาลลงทุนเองหรือร่วมลงทุนกับภาคเอกชน ตลอดจนถึงการก่อสร้างทางหลวงแนวใหม่(เชียงใหม่-เลี่ยงเมืองลำพูน)เพื่อลดความแออัดการจราจรตามผลการศึกษาของกรมทางหลวงที่ศึกษาไว้แล้ว พัฒนาโครงข่ายและเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงตามแผนที่มีอยู่

นอกจากนี้ขอให้มีการพัฒนาโครงข่ายการขนส่งทางราง ทั้งโครงการรถไฟทางคู่ภาคเหนือสายใหม่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงขอ,รถไฟทางคู่ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ-เด่นชัย-เชียงใหม่ โครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-พิษณุโลก-เชียงใหม่ โดยขอให้เร่งรัดสำรวจออกแบบเส้นทางรถไฟจากลำนารายณ์ จังหวัดลพบุรี-เพชรบูรณ์

ประธานสภาอุตสาหกรรมภาคเหนือ กล่าวอีกว่า ประเด็นที่เสนอต่อมาคือเรื่องของการบริหารจัดการน้ำและสิ่งแวดล้อม โดยขอให้มีการบริหารบริหารจัดการน้ำในมิติเชิงลุ่มน้ำ การมีส่วนร่วมของประชาชนและการรักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อม โดยขอให้ดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำที่มีความพร้อมสามารถดำเนินการได้ทันทีและส่งผลสัมฤทธิ์ภายใน 1 ปี เช่นก่อสร้างแหล่งเก็บกักน้ำ ทบทวนกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับการพัฒนาและความต้องการน้ำ ศึกษาการผันน้ำระหว่างลุ่มน้ำเช่นโครงการกก-อิงน่าน

ในพื้นที่ตอนล่างของลุ่มน้ำ โดยเฉพาะลุ่มน้ำยมซึ่งผวจ.สุโขทัยบอกแล้วปีนี้ท่วมถึง 6 เดือนมูลค่าความเสียหาย 6-7 พันล้านบาท ควรเร่งรัดให้มีการก่อสร้างแหล่งเก็บกักน้ำ พื้นที่แก้มลิง และสร้างประตูระบายน้ำในลำน้ำยม ทั้งที่ท่านางงาม จังหวัดพิษณุโลกกับที่ท่าแห และโพธิ์ประทับช้าง

“มีประเด็นทางด้านการเกษตรที่จะขอรับการสนับสนุนโครงการเกษตรอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกภาคเหนือ เน้นเกษตรปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์ โดยใช้ผักและผลไม้นำร่อง เช่น กล้วยหอม สับปะรด กระเจี้ยบเขียว ขิง มะม่วง ข้าว ไผ่และพืชสมุนไพร ซึ่งเป้าหมายการผลิตพืชอุตสาหกรรมนี้ในระยะ 5 ปี โดยคาดว่าจะสร้างมูลค่าในการผลิตเพื่อส่งออกไปญี่ปุ่น เกาหลีและไต้หวันได้กว่า 9,690 ล้านบาท”นายวีระยุทธ กล่าวและชี้แจงอีกว่า

ในแต่ละโครงการจะมีรายละเอียดที่นำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีให้มองเห็นภาพชัดเจน ซึ่งได้จัดเตรียมข้อมูลไว้พร้อมหมดแล้ว อีกด้านที่จะเสนอคือเรื่องของการค้า การลงทุนและการค้าชายแดน โดยขอให้จัดอีเว้นท์ใหญ่เป็นงาน Northern Food Valley and Fruit Expo เพื่อต่อยอดอุตสาหกรรมเกษตรเพื่อการส่งออก เลียนแบบงาน Thaifex ของกรมส่งเสริมการส่งออกที่จัดที่กรุงเทพฯ แต่งานนี้จัดที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ 7 รอบพระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ ให้มีบิสสิเนท แมชชิ่งโดยเชิญผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศมาด้วย เป็นงานอินเตอร์งานแรกของภาคเหนือที่จัดที่นี่ด้วย

นอกจากนี้ยังมีประเด็นด้านการแพทย์ การบริการผู้สูงอายุและสังคมเนื่องจากต้องเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุควรจะมีโครงการที่รองรับ ซึ่งรายละเอียดส่วนนี้ทางสถาบันการศึกษาได้จัดเตรียมข้อมูลที่จะนำเสนอแล้ว เช่นเดียวกับทางด้านการท่องเที่ยว เรื่องของมรดกโลก ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็จะลงพื้นที่สุโขทัยด้วย .

You may also like

บสย. รุกโมเดล “SMEs Digital Gateway” ปั้น 11 สาขาภูมิภาคสู่ศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน

จำนวนผู้