สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชียงใหม่นัดถกปัญหาท่องเทียวเชียงใหม่ดิ่งเหว ดึงทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อนให้เชียงใหม่เป็นหมุดหมายหลัก ยอมรับช่วง 2 ปีจีนยังไม่กลับมาต้องเร่งหาตลาดใหม่ทดแทน มุ่งเป้าอินเดีย ตะวันออกกลางหลังดูไบมีเที่ยวบินมาเดือนพ.ย.นี้ พร้อมกับเดินสายโรดโชว์ต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 18 ส.ค.68 ที่ห้องวารีกุญขร เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชียงใหม่จัดประชุมคณะที่ปรึกษา และกรรมการขับเคลื่อนการท่องเที่ยว นางวาสนา ทองสุข ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สำหรับวาระสำคัญในการประชุมครั้งนี้จะมีอยู่ 3 ประเด็นหลักๆ คือ การนำเสนอนโยบายยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของคณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ชุดใหม่ซึ่งมีวาระ 2 ปี(2568 – 2569 ประเด็นต่อมาคือการพบปะคณะกรรมการและที่ปรึกษา รวมถึงเครือข่ายของสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวชุดใหญ่ทั้ง 42 คน ซึ่งมีการรวบรวมบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และใกล้เคียงเพื่อขับเคลื่อนเชียงใหม่ให้ยิ่งใหญ่และมีความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยว ให้เชียงใหม่เป็นจุดหมายหลักของไทยได้และประเด็นสุดท้ายคือ รับฟังปัญหา และระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบการท่องเที่ยว เพื่อให้สังคมและภาครัฐได้รับทราบ
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยลดลง ดังนั้นทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันเพื่อหาแนวทางและช่วยกันขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวซึ่งทำรายได้หลักให้กับประเทศและจังหวัดเชียงใหม่ ไม่ให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระฝายเดียวโดยเฉพาะการสร้างความรู้ ความเข้าใจ การสื่อสารออกไป เพื่อให้นักท่องเที่ยวเกิดความมั่นใจในความปลอดภัยและการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยและจังหวัดเชียงใหม่ เพราะตอนที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วม แผ่นดินไหวและแม้กระทั่งการปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งอยู่ห่างไกลจากเชียงใหม่มากแต่ภาครัฐไม่มีแอคชั่นในเรื่องนี้ออกมาเลย วันนี้ก็เลยจะรับฟังและระดมความเห็นว่าควรจะทำอย่างไร
นายอุดม ชิดนายี นายกสมาคมนิเวศน์นวัตกรรมเชียงใหม่ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชียงใหม่ กล่าวว่า การแก้ปัญหานักท่องเที่ยวลดลงของเชียงใหม่จำเป็นต้องใช้ยาแรง ต้องทำการตลาดระยะใกล้อย่าง อินเดียว เวียดนามและตะวันออกกลางมาทดแทนนักท่องเที่ยวจีนที่หายไปก่อน ซึ่งก่อนสิ้นปีนี้ต้องออกไปโรดโขว์ ต้องระดมความเห็นจากทุกภาคส่วนที่มีพลังคิด พลังสร้างสรรค์มาร่วมกัน โดยสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชียงใหม่จะรวบรวมผู้ประกอบการมาอบรมและเตรียมความพร้อมรองรับตลาดใหม่ โดยร่วมกับทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในการจัดอบรมทั้งอัพสกิล รีสกิลรวมถึงการใช้เอไอด้วย
“เราเจอมาทุกวิกฤตไม่ว่าสถานการณ์น้ำท่วม แผ่นดินไหว รวมถึงสถานการณ์ชายแดน แต่เราไม่เคยสร้างภูมิคุ้มกันตัวเอง ซึ่งส่วนนี้ทีมยุทธศาสตร์และการตลาดจะรวบรวมกำลังพลทั้งหมด คาดว่าภายใน 29 สิงหาคมนี้จะมีการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพื่อแก้ไขปัญหา Zero Booking ให้ได้”นายกสมาคมนิเวศน์นวัตกรรมเชียงใหม่ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชียงใหม่ กล่าว
ทางด้านนางกรกช โขนงนุช นายกสมาคมท่องเที่ยวฮาลาลไทย รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชียงใหม่ กล่าวว่า การเปิดตลาดใหม่โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวมุสลิมหรือตะวันออกกลางเอง เราจำเป็นต้องพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวของเราให้พร้อมรองรับด้วย รวมไปถึงบุคลากรทางด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และแม้กระทั่งคนในพื้นที่ด้วย เพื่อดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มาทดแทนนักท่องเที่ยวจีนที่หายไป ซึ่งในเดือนพฤศจิกายนนี้จะมีสายการบินจากตะวันออกกลางบินเข้ามาเชียงใหม่ด้วย แม้ว่าที่ผ่านมาตัวเลขนักท่องเทีย่วจากตะวันออกกลางจะมีจำนวนไม่มากนักแต่หากสามารถ-เพิ่มขึ้นได้ จากเดิมร้อยละ 7-8 ก็ต้องพัฒนาทั้งแหล่งท่องเที่ยวและคน รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ด้านการตลาดรองรับไว้ด้วย
นายวสันต์ เดชะกัน นายกสมาคมบ้านถวาย VISIT ChiangMai SE รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์ท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างมาก ยิ่งกว่าตอนสถานการณ์โควิด และเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบทั้งแผ่นดินไหว น้ำท่วมรวมถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาทำให้ยอดจองที่มีอยู่ถูกยกเลิกและยังมีแนวโน้มที่ชะลลงปีก ภาคการท่องเที่ยวต้องได้ยากระตุ้นเพื่อให้เชียงใหม่กลับมาอยู่ในลิสต์ที่นักท่องเที่ยวต้องมา ทุกฝ่ายต้องร่วมกันระดมความคิดเห็นและหาทางออกร่วมกัน
นางสาววารุณี คำเมรุ นายกนายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ (สสทน.)เชียงใหม่ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชียงใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวเชียงใหม่ปัจจุบันอยู่ในระดับขาลงแบบดิ่งเหวและไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่ทำงานด้านการท่องเที่ยวมา เพราะฉะนั้นต้องเร่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหา ตอนนี้เที่ยวบินที่มาเชียงใหม่ยังค่อนข้างน้อยและมีราคาสูง โดยเฉพาะราคาสูงที่ไม่มีซิตี้ซัพพอตเหมือนที่เวียดนามที่มีการส่งเสริมเรื่องค่าจอดเครื่องบินและเป็นประเทศคู่แข่งของเราที่มีนักท่องเที่ยวจีนและเกาหลีไปกันมากเนื่องจากค่าเที่ยวบินต่ำกว่ามาเชียงใหม่ จึงไม่แปลกและมีแนวโน้มว่านักท่องเที่ยวที่จะมาเชียงใหม่ลดลงอีก ที่สำคัญคือการยกเลิกก็ไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้าด้วย ช่วง 2 ปีนี้เชียงใหม่จะหวังดึงนักท่องเทียวจีนกลับมาไม่ได้เลย
“เรากำลังจะมีสายการบินจากดูไบบินมาลงที่เชียงใหม่ในเดือนพ.ย.นี้ แต่เชียงใหม่ไม่เคยไปทำการตลาดระยะไกล กว่า 15ปีมาแล้วตั้งแต่สมัยที่นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกอบจ.เชียงใหม่ที่เคยสนับสนุน หลังจากนั้นก็ไม่เคยมีทำให้นักท่องเที่ยวแถบตะวันออกกลางแทบจะไม่รู้จักเชียงใหม่ อีกปัญหคือไม่มีหน่วยงานใดกล้าแสดงยืนยันว่าเชียงใหม่อยู่ในสภาวะที่ปลอดภัย เหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาไม่มีแอคชั่นจากหน่วยงานภาครัฐ แม้ว่าปัจจุบันจะไม่มีการยิงกันหรือปะทะกันแล้ว แต่นักท่องเที่ยวก็ยังกังวล ที่สำคัญคือเชียงใหม่อยู่ไกลจากขายแดนที่ปะทะกันมาก ทำให้สายการบินชะลอการเดินทางเข้าเชียงใหม่ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวเกาหลีในช่วงที่มีเหตุการณ์ลงลงฮวบอย่างน่าตกใจ แม้ว่าตอนนี้จะเริ่มกลับมาบ้างแล้ว เพราะฉะนั้นภาครัฐควรจะมีหน่วยงานที่มาดูแลในเรื่องนี้ “นายกนายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ (สส.ทน.)กล่าวและว่า
ทั้งน้ำท่วม แผ่นดินไหว ทางจังหวัดเชียงใหม่ไม่มีอะไรชัดเจน ให้ผู้ประกอบการแก้ไขปัญหาเขียนการันตีเองว่าโรงแรมที่พักมีวิศวกรดูแลและตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงปลอดภัย แทนที่หน่วยงานภาครัฐจะต้องเป็นผู้ออกมายืนยัน ชี้แจงหรือสื่อสารในเรื่องนี้ นอกจากนี้เชียงใหม่ก็ไม่มีแหล่งท่องเที่ยวใหม่ด้วย ปัจจุบันเราอาศัยกินของเก่า วัฒนธรรมและ 3 ฤดูกาล ไม่มีเฟสติวัลใหม่ ไม่มีทัวร์ริสต์ใหม่ การตลาดก็ขาดงบประมาณสนับสนุน ผ่านมากว่า 10 ปีเพิ่งจะได้ปีแรกจากอบจ.เชียงใหม่ที่เข้าใจว่าต้องส่งเสริมการตลาดต่างประเทศ โดยในเดือนกันยายนนี้จะมีการออกไปทำการตลาดที่ฮ่องกงและไต้หวัน ซึ่งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชียงใหม่จ่ายภาษีไปกว่า 66 ล้านบาท หากได้รับเงินสนับสนุน 10-20% จากภาษีที่จ่ายไปมาข่วยขับเคลื่อนการตลาดต่างประเทศก็จะเป็ฯเรื่องที่ดีต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว ความร่วมมือในเชียงใหม่หาได้น้อยมาก พวกเราต้องช่วยกันทำเพื่อเมืองเชียงใหม่แล้วผลที่ได้จะกลับมา.