รัฐมนตรีทรัพยากรฯคาด 3 ปีแก้ปัญหาน้ำเสียคลองแม่ข่าปลุกจิตสำนึกทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน

รัฐมนตรีทรัพยากรฯคาด 3 ปีแก้ปัญหาน้ำเสียคลองแม่ข่าปลุกจิตสำนึกทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน

รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรฯเชื่อหากทุกภาคส่วนร่วมใจภายใน 1 ปีเห็นความชัดเจนในการฟื้นสภาพคลองแม่ข่า คาด 3 ปีจะดีขึ้น ยันจะใช้กฎหมายในขั้นตอนสุดท้ายสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน ขณะที่อธิบดีกรมควบคุมมลพิษเผยให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคตรวจสอบแห่งมลพิษ 272 แห่งให้แล้วเสร็จ ขณะที่องค์การจัดการน้ำเสียพร้อมซ่อมสถานีสูบน้ำเสียและท่อที่ชำรุดเพื่อให้โรงบำบัดทำงานได้เต็มที่

บ่ายวันที่ 31 พ.ค.60 ที่โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธานเปิดงาน “ประชารัฐร่วมใจ คืนน้ำใสให้คลองแม่ข่า”เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการในพื้นที่ริมคลองและโดยรอบบริเวณที่มีการรวบรวมน้ำเสียลงสู่คลองแม่ข่า

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า คลองแม่ข่าเป็นลำน้ำสำคัญของเมืองเชียงใหม่มาตั้งแต่อดีต ใช้สำหรับการเกษตร อุปโภค บริโภคและเป็นเส้นทางสัญจรทางน้ำเปรียบเสมือนสายโลหิตสำคัญรองจากแม่น้ำปิง โดยมีต้นกำเนิดจากลำห้วยแม่หยวก ลำห้วยแม่ขัวมุง ลำห้วยช่างเคี่ยนและลำห้วยแก้วจากดอยสุเทพมารวมกันที่อบต.ดอนแก้วโดยไหลผ่าน 3 อำเภอคือแม่ริม เมืองและหางดง

ปัจจุบันคุณภาพน้ำในคลองแม่ข่าเสื่อมโทรมลงจากอดีตมากมีการระบายน้ำเสียจากสถานประกอบการและชุมชนในพื้นที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 7 แห่ง และมีการบุกรุกตามแนวคลองซึ่งกรมควบคุมมลพิษและจังหวัดเชียงใหม่ได้หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและวาง 3 แนวทางในการแก้ปัญหาคือการคืนน้ำต้นทุนตามธรรมชาติให้คลองแม่ข่าโดยผันน้ำจากแม่น้ำปิงและคลองส่งน้ำสายใหญ่เข้าไปไล่น้ำเสียและรักษาระดับน้ำให้เหมาะสม ซ่อมแซมและฟื้นฟูระบบบำบัดน้ำเสียของเทศบาลนครเชียงใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบำบัดน้ำเสียรวมทั้งสนับสนุนการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียเพิ่มเติมในพื้นที่เร่งด่วนในเขตเทศบาลตำบลช้างเผือกและการมีส่วนร่วมของชุมชนที่จะร่วมกันลดการระบายน้ำเสียลงคลองแม่ข่า โดยกรมควบคุมมลพิษให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 ร่วมตรวจสอบแหล่งกำเนิดมลพิษ 272 แห่งให้ปฏิบัติตามม.82 พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมพ.ศ.2535โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีนี้

ด้านพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ปัญหาของคลองแม่ข่าก็เป็นเหมือนปัญหาแม่น้ำ ลำคลองหลายแห่งทั่วประเทศที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมาก ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ มีหลายคนเรียกร้องให้ใช้มาตรา 44 มาแก้ปัญหา ซึ่งรัฐบาลและผมมองว่ามันจะไม่เกิดความยั่งยืนเกรงว่าพอเวลาผ่านไป 3-4 ปีก็จะกลับเข้าสู่วังวนเดิม

“ส่วนสำคัญอยู่ที่การมีส่วนร่วมของประชาชน คนในพื้นที่ต้องมาร่วมกันแก้ไขปัญหา เราอยากใช้มาตรการบังคับทางกฎหมายเป็นลำดับสุดท้าย แต่ก็จะใช้สำหรับผู้ที่ยังฝ่าฝืนและขอยืนยันว่าเรื่องนี้รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจและไม่ปล่อยให้จังหวัดเชียงใหม่แก้ปัญหาตามลำพัง สำหรับคลองแม่ข่านี้หลังจากฟังผวจ.เชียงใหม่แล้วก็รู้สึกมีความหวัง เพราะรู้ที่มาและวางแนวทางว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร โดยเฉพาะคนที่ทิ้งของเสียลงคลองแม่ข่า อย่างไรก็ตามอย่างที่พูดการแก้ปัญหาจะสำเร็จได้ต้องร่วมมือร่วมใจกัน หน่วยงานแต่ละหน่วยต้องรู้หน้าที่ ประชาชนด้วยเช่นกันและคงไม่ใช่แค่คนที่อยู่ริมคลองแม่ข่าแต่ต้องคนทั้งจังหวัดด้วยทุกคนต้องไม่ปล่อยน้ำเสียลงคลองแม่ข่า และหากร่วมมือกันจริงภายใน 1 ปีก็คงเห็นความเปลี่ยนแปลงและภายใน 3 ปีน่าจะดีขึ้น”รมว.ทรัพย์ กล่าว

ทางด้านนายธีระ วงศ์บูรณะ รักษาการผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย(อจร.) กล่าวว่า ทางอจร.ได้เข้ามาดูแลเกี่ยวกับระบบบำบัดน้ำเสีย รวมทั้งสถานีบำบัดน้ำเสียที่ต.ป่าแดดที่กรมโยธาธิการและผังเมืองสร้างและโอนให้เทศบาลนครเชียงใหม่ดูแลและได้โอนมาให้อจร.ดูแล ซึ่งอุปกรณ์ต่างๆ ใช้งานได้ดี ไม่ว่าจะเป็นสถานีสูบน้ำเสีย โรงบำบัดและเครื่องจักร

ระบบบำบัดน้ำเสียที่ออกแบบไว้สามารถรองรับน้ำเสียของจังหวัดเชียงใหม่ได้ 5 หมื่นลบ.ม.ต่อวันแต่การก่อสร้างและวางท่อระบบบำบัดทำแล้วเสร็จแค่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิง ยังเหลือฝั่งตะวันออกซึ่งอจน.จะดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตามจากการสำรวจของเทศบาลนครเชียงใหม่ซึ่งดูแลเรื่องระบบท่อต่างๆ พบว่ามีปัญหาบางช่วงที่ชำรุด และเทศบาลฯได้ตั้งงบประมาณที่จะขุดลอกท่อไว้แล้ว 15 ล้านบาท ส่วนที่ชำรุดทางอจน.ก็จะตั้งงบมาดำเนินการ ที่สำรวจพบตอนนี้ที่ต้องซ่อมมีอยู่ 3 จุดคือจากสถานีสูบน้ำเสีย 3 ไปยังสถานีสูบน้ำเสีย 4 และจากสถานีสูบน้ำเสีย 4 ไปยังสถานีฯ 5 และจากสถานี 10 ไปยังโรงบำบัดน้ำเสียที่ป่าแดดซึ่งก็จะเร่งดำเนินการต่อไป.

 

You may also like

บสย. จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา โครงการ “บสย. ร่วมใจ ทำดี เพื่อสังคม” ครั้งที่ 2 ร่วมซ่อมแซม ทาสี เครื่องเล่นเด็ก ปลูกต้นไม้ ณ สวนสมเด็จสราญราษฎร์มณีรมย์

จำนวนผู้