มทร.ล้านนาจัดโครงการอบรมและประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน (craft product) พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ (North Economic Corridor) มุ่งสู่การส่งออกไปตลาต่างประเทศ ด้านรองผู้ว่าฯเชียงใหม่แนะใช้โอกาสให้เต็มที่ในการเรียนรู้ สอบถาม แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และพัฒนาศักยภาพของตนเอง เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจคราฟท์ชุมชนในพื้นที่ภาคเหนือ
วันที่ 4 มิ.ย. 68 นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิด “โครงการอบรมและประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน (craft product) ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ (North Economic Corridor) มุ่งสู่การส่งออกไปตลาดต่างประเทศ” โดยมี ผศ.ดร.นพพร พัชรประกิติ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ พร้อมด้วย อาจารย์ อัคค์สัจจา ดวงสุภาสิญจ์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ คณะผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร มทร.ล้านนา รวมถึงผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน และ ลำปาง เข้าร่วมในครั้งนี้
ผศ.ดร.นพพร พัชรประกิติ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ กล่าวว่า “โครงการอบรมและประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน (craft product) พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ (North Economic Corridor) มุ่งสู่การส่งออกไปตลาดต่างประเทศ” ซึ่งอยู่ภายใต้ โครงการวิจัยเรื่อง การพัฒนากลไกการส่งเสริมเพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันกลุ่มเศรษฐกิจคราฟท์ชุมชนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก จากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ หรือ บพท.
สำหรับโครงการวิจัย เรื่อง “การพัฒนากลไกการส่งเสริมเพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันกลุ่มเศรษฐกิจ คราฟท์ชุมชนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ” เป็นกิจกรรมการวิจัยเชิงปฏิบัติการดำเนินงานบนพื้นฐาน ผ่านกระบวนการมีส่วนรวม โดยมีเป้าหมายเพื่อศึกษา วิเคราะห์ ทำความเข้าใจห่วงโซ่ อุปสงค์ อุปทาน เพื่อทราบถึงปัญหา ช่องว่างที่สำคัญ ความท้าทาย รวมถึงโอกาสในการยกระดับเศรษฐกิจคราฟท์ชุมชนให้เป็น กลไกสำคัญ ในการขับเคลื่อนประเทศและทดสอบสมมุติฐานด้วยการสร้างรูปแบบการปฏิบัติการจริง การค้าขายต้นแบบ และส่งมอบพื้นที่ศูนย์กลางในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมคราฟท์บนพื้นฐานของการทำงานบนความเชื่อมโยง ความร่วมมือกับหน่วยงาน คณะบุคคล องค์กร ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
โดยให้ความสำคัญในขั้นตอนการค้นคว้าสถานการณ์ปัจจุบันของกลุ่มผู้ผลิตในพื้นที่ ผสานความร่วมมือร่วมกับกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และชุมชนที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อได้บรรลุผลลัพธ์เชิงประจักษ์ มุ่งเน้นการค้นคว้ารูปแบบที่เหมาะสม ต่อการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์คราฟท์และชุมชนผู้ผลิตสู่ตลาดสากล รวมถึงการแลกเปลี่ยนและเชิญผู้เชี่ยวชาญจากตลาดเป้าหมายร่วมให้ข้อมูลด้านความต้องการฝั่งผู้ซื้อ การคัดเลือกชุมชนและผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพ (Product Champion) ภายใต้งานคราฟท์ 3 ประเภท (Product cluster) คือ Food Craft, Folk & Art Craft, และ Recycle Upcycling Craft ซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน และ ลำปาง เพื่อเข้าสู่กระบวนการบ่มเพาะ (Incubation) และรวมกิจกรรมทดสอบตลาด (Sandbox) และจัดแสดงร่วมกับตลาดเป้าหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศยุโรป ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะต้องได้รับมาตรฐานสินค้าเพื่อการส่งออก ที่เป็นไปตามมาตรฐานของไทยและต่างประเทศ เช่น มาตรฐาน CE Standard, มาตรฐาน UL Standard, มาตฐานการค้าที่เป็นธรรม หรือ FAIRTRADE, การได้รับการรับรองสินค้าที่มาจากเกษตรอินทรีย์ หรือ EU Organic Certification, รวมถึง มาตรฐานสำหรับสินค้างานพิมพ์ ISO 12647-2 เป็นต้น
การจัดโครงการอบรมและประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน (craft product) พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ (North Economic Corridor) มุ่งสู่การส่งออกไปตลาดต่างประเทศ ในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจาก กลุ่มผู้ประกอบการงานคราฟท์ชุมชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน และลำปาง จำนวน กว่า 20 กลุ่ม รวมผู้เข้าร่วมอบรมกว่า 40 คน และได้รับความอนุเคราะห์จากท่านวิทยากรทั้งจาก กรมเจรจาธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์, สมาคมเครือข่ายที่ปรึกษาภาคเหนือ, สมาคมวัฒนหัตถศิลป์ล้านนา, บริษัท KAP Solution, ศูนย์อุตสาหกรรมทำร่มบ่อสร้าง, บริษัทเพอร์เฟกท์ ฮาร์โมนี อินเตอร์เนชันแนล จำกัด, ศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ (UBI) และ คณะศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา โดยวันแรกจะเป็นลักษณะการบรรยายให้ความรู้ และร่วมแชร์ประสบการณ์ และวันที่ 2 จะเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มเพื่อเข้ารับการคัดเลือกให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่พร้อมเข้าร่วมโครงการในการสนับสนุนเพื่อการส่งออกไปตลาดต่างประเทศต่อไป
นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การอบรมและประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ จะเกิดประโยชน์สูงสุดได้ หากผู้เข้าร่วมทุกท่านใช้โอกาสนี้ให้เต็มที่ในการเรียนรู้ สอบถาม แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และพัฒนาศักยภาพของตนเอง เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจคราฟท์ชุมชนในพื้นที่ภาคเหนือ โดยจะต้องได้รับมาตรฐานสินค้าเพื่อการส่งออก ที่เป็นไปตามมาตรฐานของไทยและต่างประเทศตามที่ท่านคณบดีได้กล่าวมานั้น ให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืนทั้งในระดับประเทศและระดับสากล โครงการดีๆ แบบนี้ เพื่อที่จะสร้างเสริมเศรษฐกิจของประเทศให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย Soft Power ของรัฐบาลในปัจจุบัน.