รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐลงพื้นที่เชียงใหม่รับฟังปัญหาจากกลุ่มเกษตรกรพื้นที่แม่ออน ชูแก้ไขความเดือดร้อน ปากท้องของประชาชน พร้อมพบปะว่าที่ผู้สมัครส.ส.ภาคเหนือตอนบน 34 เขต ทั้งอดีตส.ว.และอดีตส.ส.หลายสมัยจากไทยรักไทยและการเมืองท้องถิ่น ไม่หวั่นส.ส.ย้ายพรรค ยัน”บิ๊กป้อม”ยังฟิตเปรี๊ยะพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 23 พ.ค.68 ที่ศาลาประชาคมหมู่ที่ 9 ตำบลออนกลาง อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยนายภัครธรณ์ เทียนไชย รองเลขาธิการพรรคในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานการเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ และคณะได้ลงพื้นที่ เพื่อพบปะและรับฟังปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะจากกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งกำลังเผชิญกับปัญหาราคาน้ำนมดิบตกต่ำ และข้อติดขัดในการเข้าถึงกองทุนฟื้นฟูเกษตรกรกร โดยมีตัวแทนของกลุ่มประชาชนที่เดือดร้อนและได้รับผลกระทบเข้าร่วมนำเสนอปัญหาต่างๆ
นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า การลงพื้นที่วันนี้นอกจากตนซึ่งเป็นตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐและพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคฯเพื่อที่จะรับฟังปัญหาต่างๆ ของพี่น้องประชาชนที่ได้ร้องเรียนผ่านผู้สมัครส.ส.ของพรรคฯ แม้จะไม่ได้เป็นส.ส.เชียงใหม่ก็ตาม ซึ่งก็เป็นการสะท้อนความมุ่งมั่นของพรรคพลังประชารัฐ ในการเข้าถึงและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในระดับรากหญ้า พร้อมทั้งเปิดเวทีรับฟังปัญหาสำคัญจากกลุ่มเกษตรกรหลายประเด็น อาทิ ปัญหาน้ำนมดิบราคาตกต่ำ ที่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในพื้นที่อำเภอแม่ออน ได้รับผลกระทบเพราะตอนนี้ราคาน้ำนมดิบลดลงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังมีปัญหาจากกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตัวแทนของเกษตรกรได้หยิบยกประเด็นเกี่ยวกับการซื้อหนี้และการขอรับงบประมาณสนับสนุนจากกองทุน การผลักดันและส่งเสริมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างรายได้ให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ซึ่งการทำงานของพรรคจะคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็ตาม
จากนั้นในภาคบ่าย ที่ร้านสิบสองปันนา นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐและนายภัครธรณ์ เทียนไชย รองเลขาธิการพรรคในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานการเลือกตั้งพรรคฯได้พบปะกับว่าที่ผู้สมัครส.ส.จาก 8 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่, เชียงราย, ลำปาง, ลำพูน, น่าน, แม่ฮ่องสอน, พะเยาและแพร่ ซึ่งมีอดีตส.ส.เชียงใหม่พรรคไทยรักไทย อาทิ นายสันติ ตันสุหัช อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงใหม่ 3 สมัย อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อธรรม ปัจจุบันสังกัด พรรครวมไทยสร้างชาติ,นายวิทยา ทรงคำ วิทยา ทรงคำ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ 5 สมัย และอดีตเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่,นายพรชัย อรรถปรียางกูร อดีตส.ส.เชียงใหม่เขต 3 พรรคไทยรักไทยและเป็นอดีตผู้สมัครส.ส.พรรคพลังประชารัฐ,นางกิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่ ส.ส.เชียงใหม่ 2 สมัย อดีตกรรมการบริหารพรรคความหวังใหม่ และอดีตผู้สมัครส.ส.พลังประชารัฐ,นายถาวร เกียรติไชยากร อดีตส.ว.เชียงใหม่,นายพจนารถ ศรียารัณย์ อดีตผู้สมัครส.ส.พลังประชารัฐ,นางศรีพรรณ เขียวทอง อดีตผู้สมัครส.ส.เชียงใหม่เขต 2 พลังประชารัฐและนายยุทธนา สุวรรณ อดีตผู้สมัครส.ส.เชียงใหม่พลังประชารัฐนอกจากนี้ยังมีอดีตผู้สมัครส.ส.และเป็นอดีตสมาชิกสภาจังหวัด อดีตสมาชิกสภาเทศบาลในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนเข้าร่วมพบปะหารือในครั้งนี้ด้วย
นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงการลงพื้นที่ในครั้งนี้ว่า ในฐานะที่ตนเป็นรองหัวหน้าพรรคฯและดูแลพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ซึ่งตนเป็นอดีตส.ว.ครั้งนี้ได้ลงพื้นที่พร้อมกับนายภัครธรณ์ เทียนไชย ซึ่งเป็นอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีและเป็นรองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานการเลือกตั้ง 77 จังหวัดของพรรค ได้ขอพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคฯแล้วว่าถ้าได้ตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.ทั้ง 34 เขตเลือกตั้งแล้ว จะขอไปช่วยคัดสรรว่าที่ผู้สมัครส.ส.ภาคอื่นด้วย โดยใช้เครือข่ายเมื่อครั้งที่เป็นอดีตส.ว.ด้วย ซึ่งปัจจุบันพรรคพลังประชารัฐมีส.ส.อยู่ 19 คนและเป็นฝ่ายค้าน และแม้ไม่ได้เป็นรัฐบาลแต่ก็ยังยึดเรื่องการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนเป็นสำคัญ
“การลงพื้นที่เพื่อหาตัวว่าที่ผู้สมัครครั้งนี้เป็นการเตรียมการ แม้จะรู้ว่าเมื่อใครได้เป็นส.ส.แล้วก็ไม่อยากให้มีการยุบสภา แต่ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นการเตรียมการไว้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเค้าลางมันก็มีมาอยู่เรื่อยๆ แต่บางทีมีเค้าแต่ฝนก็ไม่ตกเฉยๆก็มี ส่วนเรื่องที่ส.ส.ของพรรคเราย้ายพรรคและถูกดูดไป พลเอกประวิตรหัวหน้าพรรคเราไม่ได้ติดใจและเป็นห่วงอะไร ถือว่าเป็นเรื่องปกติเพราะมันขึ้นอยู่กับกระแสและนโยบาย ถ้าหากมีการเลือกตั้งเมื่อใดประชาชนเท่านั้นจะเป็นผู้ตัดสิน เพราะอำนาจอยู่ในมือของประชาชน หัวหน้าพรรคบอกว่าเลือกตั้งครั้งต่อไปอยากได้ 60 ที่นั่ง แต่ผมอยากได้ 120 เพื่อที่เราจะได้เป็นคนจัดตั้งรัฐบาล”รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวและว่า
พลังประชาชนมีนโยบายชัดเจนในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชน ปกป้องสถาบัน ไม่แก้มาตรา 112 และไม่เอาคาสิโน พลเอกประวิตรไม่เคยเป็นเผด็จการ และไม่เคยปฏิวัติแต่ท่านเป็นทหาร ซึ่งก็มีอดีตทหารหลายคนที่เกษียณแล้วออกมาตั้งพรรคการเมือง แม้พลเอกประวิตรจะอายุ 80 ปีแล้วแต่ท่านยังแข็งแรงแม้จะตกบันไดถึง 4 ชั้นแต่ก็ยังเดินได้ปร๋อ ถ้าท่านไม่รัก ไม่ห่วงประชาชนก็คงไม่มาทำพรรคการเมือง
“วันนี้การเมืองวุ่นวาย แต่พรรคพลังประชารัฐเรานิ่ง เราเคยวุ่นวายมาก่อน เพราะตอนนี้เราเปลี่ยนโลโก้ใหม่และมีคนที่มีคุณวุฒิเข้ามามากมายและพร้อมที่จะเลือกตั้งตลอดเวลา ยุทธศาสตร์สำคัญในการหาเสียงเลือกตั้งของเราคือมีความจริงใจและจริงจังในการช่วยเหลือปากท้องของประชาชน เป็นพรรคอนุรักษ์นิยม ทันสมัยและลดช่องว่างระหว่างชนชั้น”นายสุรเดช กล่าวในที่สุด.