ผู้ว่าฯ+หน.ผู้ตรวจก.ทรัพย์+ผู้การฯประสานเสียงให้ทุกพื้นที่จับกุมดำเนินคดีเผาป่า ลั่นเอาจริงไม่ใช่ขู่

ผู้ว่าฯ+หน.ผู้ตรวจก.ทรัพย์+ผู้การฯประสานเสียงให้ทุกพื้นที่จับกุมดำเนินคดีเผาป่า ลั่นเอาจริงไม่ใช่ขู่

ผวจ.เชียงใหม่ สั่งทุกอำเภอให้ฝ่ายปกครอง ตร. ป่าไม้ บูรณาการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด จี้ทุกพื้นที่แจ้งความดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน  กำชับป่าไม้และอุทยานฯส่งพิกัดพื้นที่ของชาวบ้านในพื้นที่ใกล้จุดเกิดไฟให้ตำรวจดำเนินการสอบสวน ลั่นต้องแสดงให้เห็นว่ารัฐไม่ได้แค่ขู่ แต่จะดำเนินการไม่มีการละเว้นเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างไม่ให้มีคนกล้าเผาป่าอีก

วันที่ 11 เมษายน 2563 เวลา 09.00 น. ที่ศูนย์บัญชาการป้องกันไฟป่าและpm2.5 จังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย พลตำรวจตรีพิเชษฐ จีระนันตสิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่,นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุมกับคณะทำงานศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่อย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ในเช้าวันนี้(11 เม.ย.)พบจุดความร้อนในจังหวัดเชียงใหม่จำนวน 96 จุด ถือว่าลดลงจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาที่มีอยู่เกือบ 300 จุด โดยอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 55 จุด ป่าอนุรักษ์ 38 จุด และเขต สปก. 3 จุด ซึ่งพบมากที่สุดในอำเภอแม่แจ่ม 21 จุด , แม่แตง 19 จุด , อมก๋อย 18 จุด , กัลยาณิวัฒนา 15 จุด และเชียงดาว 5 จุด จึงได้เรียกประชุม ทั้ง 5 อำเภอ ผ่านระบบ VDO Conference เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาจุดความร้อนที่ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้สั่งการให้นายอำเภอ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จะต้องพบปะหารือกันทุกวัน แต่หากสภาพพื้นที่ไม่เอื้ออำนวย ก็สามารถนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้สื่อสารกันได้ ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ และกำชับว่า ห้ามไม่ให้บุคคลใดเข้าไปในพื้นที่ป่าอย่างเด็ดขาด หากใครเข้าไปให้สันนิษฐานว่าเป็นคนเผา และให้ดำเนินคดีทันที ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการกำหนดเขตพื้นที่ทำกินของประชาชนในเขตป่าสงวนแห่งชาติไว้ในแผนที่แล้ว โดยระบุชื่อบุคคลชัดเจน หากพื้นที่ไหนมีร่องรอยทำกิน หรืออยู่ใกล้เคียงในที่เกิดไฟ ให้สันนิษฐานว่ามุ่งประสงค์ในการขยายพื้นที่ทำกิน หาของป่า และล่าสัตว์ หากดูจากจุด hotspot สามารถแจ้งความดำเนินคดี โดยถือว่าผู้ครอบครองเป็นผู้ต้องสงสัย ให้เชิญตัวมาสอบสวนได้ทันที ขณะเดียวกัน ได้เน้นย้ำการบูรณาการกันทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ และป่าไม้ เพื่อสร้างประสิทธิภาพในการตอบโต้สถานการณ์ ไม่ใช่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน อย่าทำงานเหมือนทุกๆ ปีที่ผ่านมา โดยสั่งการให้ศูนย์บัญชาการฯ จังหวัด นำจุด hotspot ในแต่ละวันมาวิเคราะห์ แล้วชี้เป้าให้อำเภอชัดเจน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งขอให้ทุกหน่วยงานจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของจังหวัดอย่างเคร่งครัด

ด้าน พล.ต.ต.พิเชษฐ์ จิระนันตสิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในวันที่ 13 เมษายนนี้ จะมีการเรียกประชุมทุกสถานีตำรวจที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 5 โดยให้นำสำนวนการสืบสวน ทั้งคำร้องทุกข์และลงบันทึกประจำวันที่เกี่ยวข้องกับการเผาป่ามาหารือ เพื่อติดตามตามความคืบหน้า และหาแนวทางในการดำเนินการอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ในส่วนของอำเภออมก๋อย ที่เป็นจุดเกิดไฟไหม้ป่าซ้ำซาก ที่บางจุดประเมินดูแล้วว่าน่าจะเป็นการเผาเพื่อเตรียมพื้นที่ทางการเกษตร โดยเฉพาะตำบลนาเกียน 11 จุด และตำบลสบโขง ที่เป็นป่าสงวนแห่งชาติ เหมือนเป็นการรุกที่ทำกิน ถือว่าผิดเงื่อนไข ให้รีบส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบและดำเนินการให้แล้วเสร็จ โดยย้ำว่าเป้าหมายคือแจ้งความดำเนินคดีทุกคดี เพื่อให้เป็นแบบอย่างและเกิดความเกรงกลัวไม่กล้าเผาป่าอีก

ขณะที่นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องต้องหาวิธีดับไฟที่เกิดขึ้นในทุกจุดให้สนิทแบบ 100% เพราะปัญหาคือหากดับไม่สนิทแล้วจะกลับมาประทุซ้ำอีก แม้บางจุดทำแนวกันไฟไว้แล้ว แต่ไฟยังกระโดดข้ามมา ซึ่งในบางพื้นที่ที่เป็นเขาสูง ถ้าจำเป็นก็ต้องใช้วิธีการเผาชน แต่อย่าเผาไกลเกินไป โดยย้ำให้ทุกอำเภอต้องสรุปบทเรียนในการดำเนินงานทั้งหมดหลังจากสิ้นสุดเดือนเมษายน ซึ่งจะนำข้อมูลและข้อเสนอจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อร่วมกันวางแผนและแนวทางการแก้ไขปัญหาไฟป่าตั้งแต่เดือนหน้าเลย โดยตั้งเป้าว่าปีหน้าจะสามารถลดจำนวน hotspot ให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะทำให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมและอย่างยั่งยืนโดยแท้จริง

ทั้งนี้ในส่วนของภาคเอกชนทางเครือข่ายอาสาสมัครหน่วยพญาอินทรีย์ได้นำอุปกรณ์ในการดับเพลิง ทั้งเครื่องสูบน้ำ 55 แรงม้า และสายดับเพลิง ที่สามารถต่อยาวถึง 2,500 เมตร มาช่วยสนับสนุนภารกิจดับไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่  เช่นเดียวกับบัวขาวและทีมงาน ก็มาร่วมดับไฟป่าที่ยังมีหลงเหลืออยู่ที่ดอยสุเทพ.

You may also like

เครือข่ายแรงงานภาคเหนือลั่นสู้ พร้อมรวมพลังทวงคืนความมั่งคั่งจากนายทุน

จำนวนผู้