นำ 2 ผู้ต้องหาเผาป่ามาแถลง จนท.เผยดักซุ่มทั้งคืนพบกลับเข้าไปเตรียมสุมไฟเผาอีกรอบรวบได้คามือ

นำ 2 ผู้ต้องหาเผาป่ามาแถลง จนท.เผยดักซุ่มทั้งคืนพบกลับเข้าไปเตรียมสุมไฟเผาอีกรอบรวบได้คามือ

จับ 2 ผู้ต้องหาเผาป่า จนท.อุทยานแห่งชาติศรีลานนาและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่เลา-แม่แสะรวบได้ขณะดักซุ่มรอตลอดคืน พบผู้ต้องหากลับเข้าพื้นที่กำลังสุมไฟเผาซ้ำ อีกรายอ้างเข้าไปหาของป่าแม้จนท.เตือนครั้งแรกยังฝ่าฝืนเข้าไปอีกตอนดึก ด้านผู้ว่าฯขอบคุณทุกฝ่ายที่ทุ่มเทกันอย่างเต็มที่ เชื่อสาธารณะชนจะได้รู้ว่าทุกฝ่ายให้ความทุ่มเทกับจุดความร้อนที่เกิดขึ้นมาก ทั้งเฝ้าระวัง ดับไฟและควบคุม

เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2563  เวลา 12.30 น.ที่สภ.แม่แตง นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผวจ.เชียงใหม่พร้อมด้วยนายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ,พลตรีสืบสกุล บัวระวงศ์ ผบ.มทบ 33 , พลตำรวจตรีพิเชษฐ์ จีระนันท์ตะสิน ผบก.ภ.จังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัว 2 ผู้ต้องหาที่จับกุมได้ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติศรีลานนาและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว ในคดีพรบ.ป่าไม้,พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติและฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉิน

นายอดิศักดิ์ โรจน์เกษตรสิน เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานเเห่งชาติศรีลานนาที่ ศล.3 (บ้านออน) กล่าวว่า ตามที่ได้รับรายงานจุดความร้อนในรอบบ่ายวันที่ 11 เมษายน 2563 พิกัด จุดhotspot ตามที่  หน่วยได้ตรวจสอบเเล้ว ปรากฏว่า พื้นที่เเปลงดังกล่าว เป็นอาคารที่ทำการของโครงการหลวงบ้านห้วยลึก ซึ่งไม่มีไฟ แต่อย่างใด  เเต่พบไฟในพื้นที่อุทยานเเห่งชาติศรีลานนา เป็นพื้นที่เเปลงบุกรุกใหม่ ซึ่งหน่วย ชม.4 เชียงดาว ได้ประสานกับทางอุทยานเเห่งชาติศรีลานนา เเจ้งความคดีบุกรุกพื้นที่ ดังกล่าวเเล้ว

ต่อมา เมื่อเวลา 15.00 น.-01.00น ของวันที่ 13 เมษายน 2563 คณะเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยพิทักษ์อุทยานเเห่งชาติศรีลานนาที่ ศล.3 (บ้านออน) ร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ฯที่ศล.2 (ปางมะเยา), เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชม.5 (ปิงโค้ง),เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชม.4(เชียงดาว),เจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจ(ฉก.ม.4) ได้ร่วมกันออกตรวจลาดตระเวนป้องกันเเละปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้เเละเฝ้าระวัง โดยใช้ระบบลาดตระเวน (smart patrol) ออกตรวจลาดตระเวนพื้นที่ป่าทิศตะวันออกบ้านห้วยลึก หมู่ 7 ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พิกัด 47Q 0506985 UTM 2159658 ซึ่งพบว่ามีการกระทำผิด (แผ้วถางพื้นที่) พื้นที่เสียหาย เนื้อที่ 3-0-52 ไร่

“เจ้าหน้าที่ได้ดักซุ่มนอนเฝ้าในพื้นที่ตลอดทั้งคืนตั้งแต่ได้รับทราบจุดความร้อนในพื้นที่และระดมกำลังดับไฟกันตลอดทั้งวันที่ 12 เม.ย.และต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ 13 เม.ย.จนกระทั่งเห็นชายคนหนึ่งเข้ามาในพื้นที่ที่เกิดไฟไหม้ และซุ่มดูพฤติการณ์อีกเห็นว่าชายคนดังกล่าวกำลังใช้มีดตัดริบกิ่งไม้เพื่อสุมไฟเผาอีกรอบ จึงได้รีบเข้าแสดงตนและจับกุม ทราบชื่อต่อมาว่าชื่อนาย เปา เลาหาง อายุ 53 ปี บ้านอยู่ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่จึงได้นำตัวพนักงานสอบสวนพร้อมอุปกรณ์ของกลางการกระทำผิด จำนวน 2 รายการ คือ 1 มีด จำนวน 1 เล่ม 2 ไฟแช็ค จำนวน 2 อัน”เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานเเห่งชาติศรีลานนาที่ ศล.3 (บ้านออน) กล่าวและชี้แจงอีกว่า

ตั้งแต่จังหวัดมีคำสั่งประกาศห้ามเผาเจ้าหน้าที่ได้จัดกำลังทั้งลาดตระเวน เฝ้าระวังและดับไฟมาต่อเนื่อง ซึ่งพื้นที่เป็นภูเขาสูง ลาดชัน บางพื้นที่ต้องเดินเท้าไปใช้ระยะเวลาเดินทางนาน ซึ่งกว่าที่จะจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ทุกคนต้องฝังตัวกิน นอนอยู่ในพื้นที่ สำหรับรายนี้ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมยังไม่ได้นอนเลย พอได้ตัวผู้ต้องหาก็รีบนำส่งพนง.สอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามคำสั่ง ทั้งนี้อยากให้ทางจังหวัดเชียงใหม่ทำการประชาสัมพันธ์ผ่านลงระดับอำเภอและชุมชนให้ทั่วถึง เพื่อให้คนในพื้นที่ได้รับทราบถึงมาตรการต่างๆ ซึ่งชาวบ้านยังไม่ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว

ทางด้านนายร่มเย็น ธงสิบสอง นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ ทำหน้าที่หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่เลา-แม่แสะ จังหวัดเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 เมษายน เวลา 10:00 น เจ้าหน้าที่ได้รับรายงานจุดความร้อน ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่เลา-แม่แสะ ท้องที่ตำบลป่าแป๋หมู่ 5 อำเภอแม่แตง เจ้าหน้าที่ได้เดินทางตรวจสอบไฟตามจุดที่ได้รับแจ้งไปถึงป่าห้วยริน โดยได้ทำการดับไฟและจัดทำแนวกันไฟเป็นเวลาหลายชั่วโมง โดยใช้เครื่องเป่าลมแต่ในขณะนั้นน้ำมันเชื้อเพลิงใกล้จะหมดเจ้าหน้าที่จึงเดินกลับออกมาเพื่อเอาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่เลาแม่แสะไปให้เจ้าหน้าที่ดับไฟ

ขณะเดินทางกลับมาได้พบนายประดิษฐ์ ทองเหลือ(ทราบชื่อภายหลัง) กำลังเข้าป่าโดยพกพามีดและไฟแช็ค โดยบอกว่าจะเข้าป่าเพื่อหาหัวปลีกล้วยป่า ซึ่งได้นำไปฝากไว้ที่บ้านนายสว่าง อินต๊ะ ชาวบ้านบ้านทุ่งจืดหมู่ 5 ตำบลป่าแป๋ เจ้าหน้าที่จึงได้ว่ากล่าวตักเตือนไปว่าช่วงนี้เป็นช่วงประกาศห้ามเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯเพื่อป้องกันการเกิดไฟไหม้พื้นที่ป่าและห้ามนำไฟแช็คเข้าไปในพื้นที่ นายประดิษฐ์ได้รับทราบเป็นอย่างดีและเมื่อเดินทางออกมา ได้ประมาณ 500 เมตรก็พบจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ จอดอยู่บริเวณใกล้กระท่อมหลังหนึ่ง สอบถามนายประดิษฐ์ทราบว่าเจ้าของกระท่อมเป็นชื่อนายอ้าย อินต๊ะ

และต่อมาเมื่อเวลา 001.05 น.เจ้าหน้าที่ได้เดินทางเข้าพื้นที่เพื่อไปพักค้างแรมและเฝ้าระวังตรวจสอบพื้นที่เกิดไฟไหม้อีกครั้ง ขณะเดินทางพบกับนายประดิษฐ์อีกครั้ง โดยพกไฟฉายติดหัวใส่เสื้อลายพรางทหาร กางเกงขายาวสีดำกางเกงข้างขวาขาดที่หัวเข่า สะพายปืนแก๊ปและกระเป๋าผ้าสะพายข้างเข้าพื้นที่ป่าเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวตนเพื่อขอตรวจสอบและนำตัวมาสอบถามที่สำนักงานฯ และได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายประดิษฐ์ ทองเหลือ ซึ่งเป็นคนนอกพื้นที่ เพราะนายประดิษฐ์เป็นชาวบ้าน บ้านอ้อย ตำบลห้วยทราย อำเภอแม่ริม จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนพร้อมปืนแก๊ป 1 กระบอกเพื่อดำเนินคดีต่อไป

นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สำหรับการดำเนินคดีขอให้ทางพนักงานสอบสวนเพิ่มโทษในข้อหาฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉิน การห้ามออกจากเคหะสถานในเวลาที่กำหนดด้วย และต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ทุ่มเทแรงกายและแรงใจในการปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ และตรงจุดนี้ก็จะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้สาธารณะชนได้รับทราบและเห็นว่าจุดความร้อนหรือ Hot Spot ที่เกิดขึ้นพวกเราทำกันอย่างเต็มที่ทั้งควบคุมไฟ ดับไฟ ลาดตระเวน แม้ไฟจะดับแล้วก็ยังต้องเฝ้าระวังอีกเพื่อไม่ให้ไฟมันคุขึ้นมาได้อีก

“ปีนี้จุดความร้อนเกิดขึ้นในพื้นที่ป่า ภูเขาสูงชันค่อนข้างมาก ทางเจ้าหน้าที่ก็ทำงานกันลำบาก ต้องเดินเท้าเข้าไปในพื้นที่ ต้องไปกิน นอนเฝ้าระวัง กว่าจะดับไฟได้แล้วก็ต้องระวังไม่ให้ไฟคุขึ้นมาอีก เพราะบางจุดที่เป็นหุบเขา โอกาสที่ลมพัดให้ไฟที่ไหม้ตอคุแล้วเกิดสะเก็ดไฟปลิวไปติดใหม่ก็มีขึ้นอีก จึงได้ระดมกำลังทั้งทางบก ซึ่งก็มีทั้งกำลังจากป่าไม้ อุทยาน ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง ที่ลืมไม่ได้คือประชาชนจิตอาสา ต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยกัน”ผวจ.เชียงใหม่ กล่าว

ทางด้านพล.ต.ต.พิเชษฐ์ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการจับกุมตัวผู้ต้องหาคดีเผาป่ารวมแล้ว 38 คดี ซึ่งเป็นคดีที่ได้จากการขยายผลจากการจับกุมผู้ต้องหาที่อ.แม่อายที่ได้ 2 ผู้ต้องหาได้อีก 4 ราย และจากสภ.ภูพิงค์ฯที่จับกุมผู้ต้องหาได้ 3 คดี รวมทั้งผู้ต้องหาคดีเผาที่สภ.หางดงด้วย.

You may also like

บสย. จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา โครงการ “บสย. ร่วมใจ ทำดี เพื่อสังคม” ครั้งที่ 2 ร่วมซ่อมแซม ทาสี เครื่องเล่นเด็ก ปลูกต้นไม้ ณ สวนสมเด็จสราญราษฎร์มณีรมย์

จำนวนผู้