คึกคักตวยกั๋น! ดันท่องเที่ยวล้านนา เชียงใหม่-ลำพูน-ลำปาง ด้วย True Mobility Data… ปั้นซัพพลายใหม่ผ่าน “Cluster Tourism” เพิ่มศักยภาพพื้นที่ท่องเที่ยว แก้ปัญหาการท่องเที่ยวชะลอตัว
วันที่ 11 สิงหาคม 2568 ที่ร้านชม อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ผศ.ดร.ณัฐพงศ์ พันธ์น้อย รองผู้อำนวยการศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการออกแบบเพื่อสังคม และผู้ช่วยคณบดี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำภาคีภาครัฐ-วิชาการ-เอกชน ระดมสมองผ่าทางตัน “เปิดมุมมองใหม่ท่องเที่ยวไทย ด้วย Mobility Data” ผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบคลัสเตอร์ กับบริบทใหม่ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเบนเข็ม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยการสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวเชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง
ผศ.ดร.ณัฐพงศ์ กล่าวว่า เพราะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวถือเป็น “เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจ” ที่สำคัญของไทย ซึ่งในปี 2562 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยพุ่งทะยานถึงระดับเกือบ 40 ล้านคนต่อปี สร้างรายได้ให้กับประเทศถึงราว 19% รั้งอันดับ 4 ของโลกที่มูลค่า 60.5 พันล้านบาท จนเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 ภูมิทัศน์ทางการแข่งขันในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลกได้เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นำโดยญี่ปุ่น ซึ่งมีอัตราการเติบโตกว่าเท่าตัวที่ 112% ตามด้วยเวียดนามที่ 68% และไทย 47% และเมื่อเทียบกับยุคก่อนโควิด-19 อัตราการฟื้นตัวของไทยยังคงติดลบ 12% ทำให้สัดส่วนรายได้ต่อจีดีพีลดลงมาที่ 14% โดยมีปัจจัยลบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และปัญหาความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
นอกจากนี้ ประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และญี่ปุ่น ต่างชูจุดเด่น และออกกลยุทธ์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งการใช้กลยุทธ์ด้านราคาและแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ของเวียดนาม ด้านอินโดนีเซียชูเอกลักษณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติ ความหรูหราสะดวกสบายในราคาที่เข้าถึงได้ ขณะที่สิงคโปร์ยังคงเน้นลงทุนแหล่งท่องเที่ยวสร้างใหม่ (Man-Made) ที่หรูหรา สะดวก และปลอดภัย ขณะที่ญี่ปุ่นโหมโรงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและความสวยงามผ่านเมืองท่องเที่ยวต่างๆ พร้อมด้วยความสะดวก ปลอดภัยในราคาที่ไม่ไกลเกินเอื้อม
โดยเพิ่มศักยภาพท่องเที่ยวไทยด้วย Cluster Tourism จากการศึกษาภายใต้โครงการ Data Playground ของทรู ผ่านข้อมูลการเดินทาง (mobility data) ของนักเดินทางระหว่างปี 2566 – 2567 คิดเป็นจำนวนกว่า 500 ล้านทริป พบรูปแบบการเดินทางที่สำคัญที่สามารถนำไปพัฒนาต่อยอดให้เกิดเป็น “เมืองน่าเที่ยว” ที่เอื้อต่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการวางแผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว อาศัยเอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่เชื่อมโยงเป็นเส้นทางการเดินทางใหม่ๆ ภายใต้ “กลยุทธ์การท่องเที่ยวแบบคลัสเตอร์” (Cluster Tourism)
จากการวิเคราะห์เครือข่ายการเดินทางผ่าน mobility data พบว่า ประเทศไทยมีเส้นทางศักยภาพถึง 21 เส้นทางที่สามารถพัฒนาสู่การท่องเที่ยวแบบคลัสเตอร์ ตัวอย่างเช่น เชียงใหม่-ลำปาง-ลำพูน, นครปฐม-ราชบุรี-กาญจนบุรี, เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์-สมุทรสาคร-สมุทรสงคราม, ขอนแก่น-ชัยภูมิ เป็นต้น
ทั้งนี้ กลุ่มคลัสเตอร์จะมีศักยภาพในการพัฒนาสู่เส้นทางท่องเที่ยวได้นั้น จำต้องมีองค์ประกอบสำคัญ 5 ข้อ ได้แก่
1. มีแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม ซึ่งใช้เป็นแนวทางในการกำหนดอัตลักษณ์ของแต่ละคลัสเตอร์
2. มีกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่น ซึ่งช่วยให้เห็นลักษณะและพื้นที่กระจุกตัวของกลุ่มเป้าหมาย ทำให้เกิดการทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ
3. เห็นบทบาทของแต่ละจังหวัดในแต่ละคลัสเตอร์ โดยพบว่าแต่ละเส้นทางจะประกอบด้วยเมืองศูนย์กลาง เมืองบริวาร และเมืองส่งเสริมพิเศษ
4. จำต้องคำนึงถึงการรับมือผลกระทบทางการท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่ เพื่อป้องกันสภาวะ overtourism และส่งเสริมให้สอดคล้องกับความสามารถในการรองรับ (carrying capacity)
5. มีความเป็นไปได้ในการขยายโอกาสด้านการท่องเที่ยวสู่พื้นที่ใหม่ๆ ด้วยการกระจายนักท่องเที่ยวสู่พื้นที่เป้าหมาย
ผศ.ดร.ณัฐพงศ์ กล่าวว่า จากบริบทใหม่ด้านการแข่งขัน การปั้น “ซัพพลาย” ใหม่จะช่วยยกระดับการท่องเที่ยวไทย เพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน พร้อมกับกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจสู่พื้นที่ศักยภาพใหม่ๆ หรือที่เรียกว่า “เมืองน่าเที่ยว”เรานำ mobility data มาวิเคราะห์ศักยภาพและประเด็นการพัฒนาในแต่ละคลัสเตอร์ ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุเมืองศูนย์กลางและเมืองบริวาร ทิศทางและปริมาณการเดินทางระหว่างจังหวัด การกระจุกตัวของนักท่องเที่ยวในแต่ละฤดูกาลทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม และกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่นในแต่ละคลัสเตอร์ ซึ่งทำให้คณะวิจัยสามารถสรุปประเด็นการพัฒนาและลักษณะนักท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่นของพื้นที่ในแต่ละคลัสเตอร์
คลัสเตอร์ล้านนา เชียงใหม่-ลำปาง-ลำพูน
• เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยว มีเชียงใหม่เป็นเมืองศูนย์กลางและมีลำพูนเป็นพื้นที่ที่ดึงดูดทั้งการท่องเที่ยวในเวลากลางวันและการพักค้างได้น้อยที่สุด
• ปริมาณการเดินทางระหว่างจังหวัดในคลัสเตอร์ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของคลัสเตอร์อื่นในประเทศไทย
• เป็นคลัสเตอร์มีสัดส่วนการท่องเที่ยวแบบไปกลับสูงกว่าคลัสเตอร์อื่นๆ
• สัดส่วนการท่องเที่ยวและการพักค้างในจังหวัดลำพูนและลำปางมีสัดส่วนต่ำ โดย 63.60% ของนักท่องเที่ยวและ 58.41% ของการพักค้างกระจุกตัวอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่
• พื้นที่ที่มีการกระจุกตัวนักท่องเที่ยวสูง ได้แก่ พื้นที่เมืองเก่าในอำเภอเมืองแต่ละจังหวัด
• ปริมาณการท่องเที่ยวในช่วงเดือนพ.ค. – ก.ย. น้อยกว่าช่วงอื่นๆ ของปีอย่างเห็นได้ชัด
ลักษณะนักท่องเที่ยวที่โดดเด่นในคลัสเตอร์
• นักท่องเที่ยวเพศชายที่มีอายุ 61 ปีขึ้นไป อาศัยอยู่ในภาคเหนือ นิยมในศิลปวัฒนธรรมและการจับจ่ายใช้สอย มีแนวโน้มกระจุกตัวอยู่ในอำเภอที่มีสนามกอล์ฟ
ข้อเสนอแนะในเชิงนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว
• กระจายนักท่องเที่ยวจากจังหวัดเชียงใหม่ไปสู่จังหวัดลำพูนและลำปาง
• กระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองเก่าและวิถีล้านนาในสามจังหวัด
• ส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดลำพูนและลำปางโดยการพัฒนากิจกรรมท่องเที่ยว สินค้า และบริการที่ช่วยกระจายนักท่องเที่ยวไปยังพื้นที่นอกเหนืออำเภอเมือง
• กระตุ้นการพักค้างในจังหวัดลำพูนและลำปางโดยการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในช่วงกลางคืน
• ส่งเสริมการท่องเที่ยวนอกช่วง Hi-season โดยอาจดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยววัยทำงานตอนปลายจากภูมิภาคอื่น ผ่านการท่องเที่ยวเล่นกอล์ฟ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม กิจกรรม MICE หรือ กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Wellness
“กลยุทธ์การท่องเที่ยวแบบคลัสเตอร์นี้ ช่วยให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยทั้งนักนโยบาย นักการตลาด นักธุรกิจ นักลงทุน ผู้ประกอบการรายย่อย เห็นภาพอุตสาหกรรมด้วยมุมมองใหม่ๆ เห็นโอกาสใหม่ๆ กลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ รูปแบบการเดินทางใหม่ๆ ที่จะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมให้เติบโตโดยอยู่บนพื้นฐานแห่งความยั่งยืน โดยเฉพาะในยุคที่คุณค่า ความหมาย และประสบการณ์ที่แท้จริง คือ ความต้องการของนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน โดยสิ่งสำคัญ 3 ประการที่เกี่ยวข้องต่อการพัฒนา คือ น่าจดจำ น่าอยู่ และน่าค้นหา เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตในพื้นที่ นักท่องเที่ยวตัดสินใจพักระยะยาวอย่างไม่รู้เบื่อ เป็นการดึงดูดให้ผู้มาเยือนกลับมาอีกครั้ง” ผศ.ดร.ณัฐพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย
หากสนใจสามารถอ่านรายละเอียดคลัสเตอร์เพิ่มเติมได้ที่ https://true.th/blog/routes-to-roots-cluster/
เกี่ยวกับ Routes to Roots
Routes to Roots เกิดจากความร่วมมือระหว่าง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) – สำนักงานส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สกสว.) ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการออกแบบเพื่อสังคม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมด้วย ทรู คอร์ปอเรชั่น และ คลาวด์แอนด์กราวด์ ผนึกกำลังผ่าทางตันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยกับบริบทใหม่ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเบนเข็ม ตลาดแข่งดุ ขีดความสามารถลด ผุดโครงการการกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในเมืองน่าเที่ยวผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบคลัสเตอร์จากการวิเคราะห์ข้อมูลบันทึกการใช้บริการโทรศัพท์มือถือ ภายใต้งบประมาณจาก กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุน ววน.)
#บพท. #อพท.#กลุ่มจังหวัดล้านนา
#สกสว. #TrueMobilityData #True #MobilityData