กลุ่มผู้เสียหายจากเหตุโรงอบลำใยระเบิดที่ อำเภอสันป่าตอง เมื่อปี 2542 เตรียมยื่นหนังสือเรียกร้องความเป็นธรรม ต่อสถานกงสุลไต้หวันประจำประเทศไทย /ทำเนียบรัฐบาล และ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ในวันที่ 24 ตุลาคมนี้ หลังศาลสั่งให้เจ้าของโรงงานอบลำไย ซึ่งเป็นชาวไต้หวัน ชดใช้ค่าเสียหายภายใน 6 เดือน แต่ผ่านมาแล้วกว่า 2 ปี ก็ยังไม่ได้รับการเยียวยา
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 21 ต.ค.62 ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีพิงค์พระนคร อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ กลุ่มชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายจากเหตุโรงอบลำไยระเบิด ที่อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 19กันยายน 2542 รวมตัวเพื่อแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน หลังศาลตัดสินให้เจ้าของโรงอบลำไย ซึ่งเป็นชาวไต้หวัน ชดใช้ค่าเสียหายภายใน 6 เดือน แต่ผ่านมากว่า 2 ปี ก็ยังไม่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหาย โดยหลังเกิดเหตุ ชาวบ้านหลายคนได้กู้เงินมาซ่อมแซม และสร้างบ้านใหม่ทดแทนบ้านที่ได้รับความเสียหายจากเหตุระเบิด ซึ่งผ่านมากว่า 20ปี ยังใช้หนี้ไม่หมด โดยในวันที่ 24 ตุลาคมนี้ จะเดินทางเข้ายื่นหนังสือเรียกร้องความเป็นธรรมต่อสถานกงสุลไต้หวันเพื่อให้ติดตามตัวนาย ลี หงเตียน เจ้าของโรงานชาวไต้หวัน มาชดใช้ค่าเสียหาย หรือให้สถานกงสุลไต้หวันชดใช้ค่าเสียหายก่อนเนื่องจากเจ้าของโรงงานเป็นชาวไต้หวัน จากนั้นจะเดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อทำเนียบรัฐบาลเพื่อให้ประสานงานในระดับประเทศ และจะเดินทางเข้ายื่นหนังสือขอความช่วยเหลือต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
นายดลทัศน์ แก้วปัญญา ชาวอำเภอสันป่าตอง ระบุว่า เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2560 มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยบริษัทหงไทยเกษตรพัฒนา ยอมชดใช้ค่าเสียหายรวมประมาณ 500 ล้านบาท ภายใน 6 เดือน นับตั้งแต่วันทำสัญญาประณีประนอม และศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้มีคำพิพากษาตามที่คู่ความได้ตกลงกัน แต่จนถึงขณะนี้ได้ล่วงเลยเวลามาแล้วกว่า 2 ปี ยังไม่ไดรับการชดใช้ค่าเสียหายใดๆ
นางจอยจี แก้วพวงทอง ชาวบ้านหนองแท่น หมู่2 ตำบลบ้านกลาง อำเภอสันป่าตอง ระบุว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินป็นอย่างมาก และมีผลต่อสภาพจิตใจมาจนถึงปัจจุบัน การเรียกร้องในครั้งนี้อยากให้ เป็นบทเรียนต่อหน่วยงานภาครัฐในการตรวจสอบ การขออนุญาติประกอบกิจการที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชน
เหตุการณ์โรงงานอบลำไยระเบิด เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2542 มีผู้เสียชีวิต 36 คน บาดเจ็บ 71 คน และมีผู้ได้รับผลกระทบ กว่า 500 คน
