อปท.ลำพูนบูรณาการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในลำน้ำกวง

อปท.ลำพูนบูรณาการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในลำน้ำกวง

รองผวจ.ลำพูนตรวจเยี่ยมดูการบูรณาการร่วมของทต.มะเขือแจ้และอุโมงค์ ระดมเครื่องจักรและกำลังพลกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในลำน้ำกวง  สนองนโยบายพ่อเมืองลำพูนในการดูแลคุณภาพน้ำและภูมิทัศน์แหล่งน้ำสาธารณะ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ทั้งอุปโภค บริโภคและด้านการเกษตร

เมื่อวันที่ 18 พ.ค.63 นายวรยุทธ เนาวรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน พร้อมด้วยนายชาตรี กิตติธนดิตถ์ นายอำเภอเมือง จ.ลำพูน ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจาก เทศบาลตำบลอุโมงค์ ,มะเขือแจ้ , บ้านกลาง  ,เหมืองหง่า , บ้านแป้น , ต้นธง ,อบจ.ลำพูน ประมาณ 50 คน ตามโครงการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในแหล่งน้ำสาธารณะ ที่บริเวณเชิงสะพานรพช.ขุดลอกลำน้ำกวง ตอน 4 ต.เหมืองง่า อ.เมือง จ.ลำพูน

นายวรยุทธ เนาวรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวว่า การดำเนินโครงการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในแหล่งน้ำสาธารณะเป็นนโยบายที่นายพงษ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนได้ให้ความสำคัญ ในการดูแลคุณภาพน้ำ และภูมิทัศน์ในลำน้ำกวง ซึ่งเป็นลำน้ำสาธารณะที่ไหลผ่านจากจังหวัดเชียงใหม่เข้ามายังจังหวัดลำพูนให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ทั้งอุปโภค บริโภคและทางด้านการเกษตร รวมถึงเป็นแหล่งน้ำดิบผลิตน้ำประปาให้ชาวจังหวัดลำพูนด้วย

ทางจังหวัดลำพูนได้ให้นโยบายในเรื่องของการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชที่กีดขวางทางน้ำ และมอบหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่รับผิดชอบดำเนินการ โดยบูรณาการร่วมกันในการบริหารจัดการแหล่งน้ำสาธารณะสำคัญของเชียงใหม่-ลำพูนให้มีการไหลเวียนได้สะดวกและมีคุณภาพน้ำที่ดีขึ้นด้วย ซึ่งการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในลำน้ำกวงวันนี้มีการดำเนินการพร้อมกัน 2 จุดๆ แรกที่บริเวณเขตพื้นที่เทศบาลตำบลอุโมงค์และทต.มะเขือแจ้ซึ่งมีรอยต่อจากอ.สารภีจังหวัดเชียงใหม่ กับพื้นที่เทศบาลตำบลริมปิง ซึ่งดำเนินการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในลำน้ำกวงบริเวณหน้าวัดพระธาตุหริภุญชัย

“วันนี้มีท้องถิ่นหลายแห่งนำเครื่องมือ เครื่องจักรและเรือกำจัดผักตบชวามาบูรณาการร่วมกัน โดยจะมีการดำเนินการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในแหล่งน้ำสาธารณะตลอดทั้งสายในพื้นที่จังหวัดลำพูน ตามนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องทุกปีก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูฝน แต่เนื่องจากก่อนหน้านั้นติดขัดในเรื่องของภัยแล้ง และการแพร่ระบาดของโวรัสโควิด-19 ทำให้การบริหารจัดการในโครงการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชเลื่อนออกมา แต่ทางจังหวัดยังถือเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องดำเนินการเป็นประจำทุกปี”รองผวจ.ลำพูน กล่าวและชี้แจงอีกว่า

ก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 การดำเนินการจะมีทั้งข้าราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและจิตอาสา ตลอดจนผู้ต้องขังที่มาร่วมกันขุดลอก กำจัดผักตบชวาและวัชพืชในแหล่งน้ำสาธารณะต่างๆ แต่พอมีโรคระบาดฯ การดำเนินการจะรวมคนก็มีข้อจำกัด และการนำผู้ต้องขังมาปฏิบัติงานนอกเรือนจำทางกรมราชทัณฑ์ก็ไม่อนุญาตด้วยเกรงว่าอาจจะนำเชื้อโควิดฯติดไปแพร่เชื้อในเรือนจำได้ จึงต้องใช้กำลังพลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและท้องที่มาดำเนินการซึ่งก็จะทำต่อเนื่องจนแล้วเสร็จ

ทางด้านนายชาตรี กิตติธนดิตถ์ นายอำเภอเมืองลำพูน กล่าวว่า วันนี้กำลังหลักเป็นของเทศบาลตำบลมะเขือแจ้และทต.อุโมงค์ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบหลักและมีการประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาร่วมอาทิ เทศบาลตำบลบ้านกลาง เหมืองง่า ต้นธง เวียงยอง ศรีบัวบาน ท่าเชียงทองและบ้านแป้น ซึ่งลำน้ำกวงมีความยาวตั้งแต่ตำบลบ้านธิไปจนสุดลำน้ำระยะทาง 25 กิโลเมตร แต่มีการแบ่งโซนพื้นที่ดำเนินการเป็นตอนๆ หรือช่วงๆ ซึ่งก็จะระดมเครื่องจักรและกำลังพลไปช่วยกันแล้วแต่ท้องถิ่นจะประสานความร่วมมือ

“วันนี้จะเป็นการดำเนินการในเขตอ.เมืองลำพูน และตำบลต้นธง หน้าวัดพระธาตุ โดยเฉพาะจุดที่มีผักตบชวาหนาแน่น ซึ่งผักตบชวาและวัชพืชเหล่านี้จะกีดขวางทางน้ำ ขณะนี้เข้าสู่ฤดูฝนแล้วหากไม่เร่งดำเนินการจะมีปัญหาน้ำหลากได้จึงต้องเร่งดำเนินการโดยเร็ว และเมื่อกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในแต่ละตอนแล้วจะมีทุ่นที่ทางสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองรวมทั้งสำนักชลประทานลำพูนได้ทำไว้เพื่อเป็นแนวกั้นไม่ให้ผักตบชวาไหลมาหากันได้ แต่ให้แต่ละพื้นที่ดำเนินการขุดลอกกำจัดผักตบชวาในเขตของตนเองให้เรียบร้อย”นายอำเภอเมืองกล่าวและว่า

สำหรับจุดรอยต่อระหว่างลำน้ำกวงในเขตพื้นที่อ.สารภีจังหวัดเชียงใหม่กับต.บ้านธิ จังหวัดลำพูนนั้น ทางรองผวจ.ลำพูนได้ประสานงานกับทางจังหวัดเชียงใหม่แล้วว่าจะบูรณาการร่วมกันเพื่อกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในลำน้ำกวงร่วมกัน ส่วนผักตบชวาและวัชพืชที่ขุดลอกในครั้งนี้จะนำไปให้กลุ่มแปรรูปทำปุ๋ยชีวภาพตำบลมะเขือแจ้ดำเนินการต่อไป ซึ่งคาดว่าหากดำเนินการแล้วเสร็จคงจะมีเศษผักตบชวาไม่ต่ำกว่า 20-30 ตัน.

You may also like

อบจ.เชียงใหม่จับมือภาคีเครือข่าย จัดงาน “วันสิ่งแวดล้อมไทย ประจำปี ภายใต้แนวคิด “รักษ์ป่า รักษ์ดิน รักษ์สิ่งแวดล้อม”

จำนวนผู้