“อนุทิน”ให้เพิ่มตรวจคัดกรองผู้โดยสารทั้งขาเข้า-ออกทุกเส้นทาง เผยโควิด-19แพร่เชื้อจากการเดินทาง เชื่อหากวางระบบควบคุมดีจะไม่มีการระบาดรอบ 2 วอนประชาชนให้ความร่วมมือ ชี้หากวัดไข้ซ้ำยังเจอนำส่งเข้ารับการรักษาทันที
วันที่ 12 พฤษภาคม 2563 เวลา 17.00 น. นายอมรรักษ์ ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ พร้อมผู้บริหารท่าอากาศยานเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมต้อนรับและบรรยายสรุปกระบวนการตรวจคัดกรองผู้โดยสารขาเข้าและออก ของท่าอากาศยานเชียงใหม่ ให้แก่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะ ในโอกาสเดินทางมาตรวจเยี่ยมจุดคัดกรองวิกฤติการณ์จากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดเชียงใหม่ ณ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เพื่อรับทราบปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ ในการปฏิบัติงาน ณ จุดคัดกรอง เพื่อนำไปสู่การเตรียมความพร้อมในการทำหน้าที่คัดกรองผู้โดยสารและผู้เดินทางในระยะต่อไป รวมถึงการพิจารณานำ Line official Account ของจังหวัดเชียงใหม่ มาใช้ในการบันทึกข้อมูลการเดินทางเข้าออกจังหวัดเชียงใหม่ แทนแบบ ชม.1 และ ชม.2 เพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็วต่อผู้โดยสาร ผู้เดินทาง และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้งลดการสัมผัสใกล้ชิดที่จะก่อให้เกิดความเสี่ยง
นายอนุทิน ชาญวีรกุล รมว.สาธารณสุขให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า จากการรับฟังบรรยายสรุปและตรวจดูสถานที่ บริเวณท่าอากาศยานจังหวัดเชียงใหม่แล้ว ค่อนข้างมั่นใจ เพราะ AOT ใช้มาตรฐานเดียวกันทุกสนามบิน อย่างไรก็ตามเมื่อมีการปลดล็อคให้มีการเดินทางระหว่างจังหวัดได้ ก็ต้องขอความร่วมมือจากประชาชน ในการปฏิบัติ ตามข้อแนะนำ และข้อกำหนด ที่กรมควบคุมโรค กำหนดไว้ ทั้งการเว้นระยะห่าง การสวมหน้ากาก การใช้ เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ซึ่งผู้ที่เดินทางเข้ามาในท่าอากาศยานเชียงใหม่ หาก ตรวจพบว่ามีไข้ เกิน 37.3 จะต้องได้รับการตรวจซ้ำ 2 ครั้ง หากยังพบว่ามีไข้อยู่ ก็จะต้องถูกนำตัวไป รับการรักษาที่โรงพยาบาลอย่างเดียว
” ได้แนะนำทางท่าอากาศยานเชียงใหม่ไปแล้วว่าจากเดิมที่จะมีการ ตรวจวัดไข้ เฉพาะผู้โดยสารขาเข้า แต่นับจากนี้ต่อไป ให้มีการตรวจวัดไข้ทั้ง ขาเข้าและขาออก ด้วย เพื่อไม่ให้เกิดการเดินทางของผู้ติดเชื้อ ซึ่งแต่เดิมจะมีการตรวจเฉพาะเที่ยวบินมาจากต่างประเทศ แต่ตอนนี้ขอให้ตรวจทั้งขาเข้า และขาออกเที่ยวบินภายในประเทศด้วย”รมว.สาธารณสุข กล่าวและว่า
โรคติดเชื้อโควิด-19 ที่แพร่ระบาดเป็นเพราะมีการเดินทางและข้ามถิ่นของคนจากเมืองหนึ่ง สู่อีกเมืองหนึ่ง ถ้าสามารถทำให้ เรื่องการควบคุมที่ดีที่สุดได้ ก็ควรทำ และ เชื่อว่า ไม่น่าจะเกินภาระที่หน่วยงาน จะทำได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าหากประชาชนให้ความร่วมมือปฏิบัติตามข้อแนะนำ ก็จะสามารถ ใช้ชีวิต ได้ จนกว่าจะมีวัคซีน ออกมารักษาโรคนี้ ซึ่งในขณะนี้ได้อนุมัติงบประมาณ เพื่อนำไป พัฒนางานวิจัยวัคซีน ให้กับนักวิทยาศาสตร์ของไทย ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ ของไทยทำได้อย่างแน่นอน ขอให้มั่นใจ ว่า นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยของไทย เก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก ขอเพียงแต่อยากบีบคั้นด้วยเงื่อนไขเวลา เท่านั้นเอง
หลังจากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและคณะ ได้เยี่ยมชมขั้นตอนการปฏิบัติ ณ ห้องโถงผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศ โอกาสเดียวกันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและคณะ ได้ร่วมเติมสิ่งของในตู้ปันสุข ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าอาคารผู้โดยสารด้วย.