สหรัฐฯให้งบกว่า 3 แสนล้านบาทพร้อมส่งผู้เชี่ยวชาญทำงานร่วมกับสถาบันวิจัยดาราศาสตร์และมช.ในการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมตรวจจับHot Spot

สหรัฐฯให้งบกว่า 3 แสนล้านบาทพร้อมส่งผู้เชี่ยวชาญทำงานร่วมกับสถาบันวิจัยดาราศาสตร์และมช.ในการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมตรวจจับHot Spot

กงสุลใหญ่สหรัฐฯเข้าพบผู้ว่าฯเชียงใหม่ เผยอีก 2-3 เดือนข้างหน้าจะมีผู้เชี่ยวชาญมาทำงานร่วมกับ NARITและสถาบันกศ.ในการใช้เทคโนฯและดาวเทียมเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันซึ่งสหรัฐฯให้งบกว่า 3 แสนล้านบาท ขณะที่สหรัฐฯเตรียมกิจกรรมครบ 190 ปีความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐตลอดทั้งปี 66

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 18 ต.ค.65 ที่ห้องรับรองอาคารอำนวยการศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้การต้อนรับนางลิสา เอ. บูเจนนาส กงสุลใหญ่สถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา ประจำเชียงใหม่ที่เข้าพบแนะนำตัว หลังจากนั้นนางลิสา เอ.บูเจนนาส กงสลุใหญ่สถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯ ประจำเชียงใหม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า จากการเข้าพบผู้ว่าฯเชียงใหม่ในครั้งนี้ได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน ซึ่งผวจ.เชียงใหม่เพิ่งมารับตำแหน่งใหม่เช่นกันได้เรียนให้ทราบถึงความร่วมมือของสหรัฐอเมริกาที่เกี่ยวเนื่องในพื้นที่ ซึ่งทางรัฐบาลสหรัฐฯได้สนับสนุนงบประมาณ 3 แสนล้านบาทให้กับสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NARIT และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมในการหาพิกัด Hot Spot หรือจุดความร้อนเพื่อลดจำนวนการเผาและแก้ไขปัญหาไฟป่าและมลพิษหมอกควัน รวมทั้งมอบอุปกรณ์ดับไฟป่าให้กับทางจังหวัด ตลอดจนเครื่องฟอกอากาศให้กับโรงเรียนต่างๆ เพื่อเป็นห้องปลอดฝุ่นให้นักเรียนสามารถเรียนได้ตามปกติ

กงสุลใหญ่สหรัฐฯประจำเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังได้แจ้งให้ผวจ.เชียงใหม่ทราบด้วยว่า ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านคุณภาพอากาศเข้ามาเชียงใหม่และทำงานร่วมกับ NARIT และสถาบันการศึกษาในการใช้เทคโนโลยีในการจัดการไฟป่าและมลพิษทางอากาศ นอกจากนี้จากการที่ไทยเป็นประเทศที่ควบคุมสถานการณ์โควิด 19 ได้ดี และเปิดรับนักท่องเที่ยวซึ่งสหรัฐฯเองก็ส่งเสริมให้คนเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย

“ที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือปีหน้าจะเข้าสู่ปีที่ครบรอบความสัมพันธ์ทางการฑูตไทย-สหรัฐฯครบ 190 ปี ซึ่งตลอดปี 2023หรือ 2566 ในแต่ละเดือนก็จะมีกิจกรรมที่แสดงถึงความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างแผนงานกิจกรรมในแต่ละเดือน ในด้านเศรษฐกิจเองก็เช่นเดียวกันที่รัฐบาลสหรัฐฯให้งบประมาณหลายพันล้านเหรียญซึ่งครอบคลุมทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมในพื้นที่อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง รวมถึงด้านส่งเสริมอาชีพสตรีและปัญหายาเสพติดด้วย”นางลิสา เอ. บูเจนนาส กล่าวและว่า

ตนดีใจมากที่ได้กลับมาประเทศไทยและได้เดินทางมารับตำแหน่งที่เชียงใหม่เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมาโดยจะทำหน้าที่กงสุลใหญ่ฯ 3 ปีและจะเดินทางไปให้ครบทั้ง 15 จังหวัดภาคเหนือ เป้าหมายในการมาทำหน้าที่กงสุลใหญ่สหรัฐก็จะส่งเสริมความสัมพันธ์ของไทยและสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทยในแง่ภาคีมากกว่า 63,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์และเป็นคู่สัญญาพันธมิตรที่ยาวนาน มีความร่วมมือครอบคลุมทุกด้าน

ประวัติโดยสังเขป

ลิสา บูเจนนาส เริ่มต้นวาระดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา เชียงใหม่ในเดือนสิงหาคม 2565 โดยก่อนหน้านี้ ได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสาธารณชนสัมพันธ์ พร้อมกับตำแหน่งหัวหน้าผู้ช่วยเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ณ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในกรุงปักกิ่ง คุณบูเจนนาสเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาให้กับปลัดกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการด้านการเมืองที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเป็นตำแหน่งระดับสูงของนักการทูตประจำกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจของสำนักงานกิจการปากีสถาน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ในส่วนของการประจำการในต่างประเทศ คุณบูเจนนาสเคยปฏิบัติหน้าที่ในคณะผู้แทนสหรัฐฯ ประจำสหภาพยุโรป ในกรุงบรัสเซลส์ รวมทั้งเคยประจำการในกรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน 2 ครั้ง และในกรุงเทพฯ ประเทศไทยด้วย

ก่อนที่จะเข้ารับราชการกับกระทรวงการต่างประเทศ คุณบูเจนนาสเคยเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดการ โดยดูแลทีมงานขนาดใหญ่ที่ดำเนินโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจในอิรัก คุณบูเจนนาสเป็นชาวเทกซัส สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัย University of Texas at Austin และปริญญาโทบริหารธุรกิจสาขาการเงินระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัย George Washington University กงสุลใหญ่บูเจนนาสประจำการที่ประเทศไทยพร้อมด้วยบุตรชายหนึ่งคน ตลอดจนสามารถพูดภาษาจีนกลางและภาษาไทยได้

You may also like

รมว.ท่องเที่ยวฯเตรียมเสนอรัฐบาลดันโครงการ”แอ่วเหนือคนละครึ่ง”จัดครม.สัญจรสร้างความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวหวังฟื้นฟูได้ทันพ.ย.นี้

จำนวนผู้