รองนายกฯ”สมคิด”ควงรัฐมนตรีมอบนโยบาย “ประชารัฐสร้างไทย พัฒนาล้านนา ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน” ยันไม่ได้จัดงานหวังผลทางการเมือง หวังสร้างแรงกระเพื่อมไปทั้งประเทศ ลั่นรัฐบาลชุดนี้จะนำประชาชนหลุดพ้นความยากจนเพราะทำงานด้วยสมองไม่ใช่ปาก
วันนี้ (30 ต.ค. 62) ที่ศูนย์กีฬากาญจนาภิเษก รัชกาลที่ 9 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการมอบนโยบาย “ประชารัฐสร้างไทย พัฒนาล้านนา ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน” โดยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างเข้าถึงแบบครบวงจรเพื่อให้คนไทยตลอดจนผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และหลุดพ้นความยากจน โดยมี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยผู้แทนสถาบันการเงินของรัฐ และภาคีเครือข่ายสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก โดยมีประชาชนเข้าร่วมงานกว่า 1,000 คน
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์การเกษตร กล่าวว่า รัฐบาลได้จัดสรรที่ดินให้ประชาชนทำกินเนื้อที่กว่า 40 ล้านไร่ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดปัจจุบันได้ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจฐานราก ตนจึงให้นโยบายกับทางสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือสปก.ไปว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเอาที่ดินส่วนใหญ่ที่ขณะนี้อยู่ในมือของนายทุนมาจัดสรรให้กับเกษตรกรได้มีสิทธิในการทำกิน
“ที่ผ่านมาการมอบสิทธิทำกินและที่อยู่อาศัยให้กับเกษตรกร ไม่สามารถต่อยอดได้แต่วันนี้เป็นนิมิตรหมายที่ดีที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอีกหลายท่านได้มาร่วมเปิดกิจกรรมประชารัฐสร้างไทย พัฒนาล้านนา ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน ต่อไปกระทรวงเกษตรที่มีความเกี่ยวข้องกับปากท้องของชาวบ้านจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป เพราะจะมีเงินจากกองทุนหมู่บ้านและจากกระทรวงอื่นมาช่วยพี่น้องเกษตรกร ซึ่งจะทำให้หลุดพ้นจากการเป็นหนี้นอกระบบได้ เมื่อวาน(29 ต.ค.)ผมก็เพิ่งลงนามในบันทึกข้อตกลงกับครัวการบินไทยที่จะส่งผลผลิตของพี่น้องเกษตรกรให้เป็นวัตถุดิบ และยังได้มอบนโยบายให้กับอตก.โดยเราจะฟื้นตลาดอตก.ทั้ง 77 จังหวัด ทางกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลังก็จะมีโครงการที่ไปฟื้นฟูให้กับเอสเอ็มอีและกองทุนหมู่บ้าน”รมช.เกษตรฯ กล่าวและว่า
คณะรัฐมนตรีทั้ง 36 คนรวมทั้งนายกรัฐมนตรีได้กำหนดนโยบายชัดเจนที่จะให้ข้าราชการทุกภาคส่วนนำนโยบายประชารัฐสร้างไทย พัฒนาล้านนา ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์กับประชาชน และเชื่อมั่นว่าสังคมไทยจะเข้มแข็งขึ้น ซึ่งวันนี้เรามาเปิดที่เชียงใหม่แล้วและจะมีการขยายไปอีกหลายจังหวัดเพื่อให้สังคมไทยเข้มแข็งต่อไป
ขณะที่ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งานในครั้งนี้ไม่ได้จัดขึ้นมาเพื่อหวังผลทางการเมือง แต่มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการให้ประชาชนทางภาคเหนือได้เห็นกับตา ได้ฟังกับหูว่ารัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายมีความมุ่งมั่นอย่างไร และไม่ได้จำกัดแค่ประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ แต่ต้องการสร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วประเทศ รัฐมนตรีที่มาวันนี้มาพร้อมหัวใจที่อยากให้เกิดประโยชน์แก่คนไทยและพี่น้องเกษตรกรฐานราก เราไม่ได้มาแค่ใจแต่มาพร้อมสมอง ที่สำคัญไม่ได้เพิ่งจะทำแต่ทำมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯซึ่งทำมาตั้งแต่ปี 2542-2543 ที่สมัยนั้นเราเป็นรัฐบาลและเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างนโยบายเพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานราก
“เราไม่ใช่เป็นเจ้าของนโยบาย แต่เราเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเรื่องกองทุนหมู่บ้าน โอท็อปและ 30 บาทรักษาทุกโรค เพราะตอนนั้นรัฐบาลมีเพียงพรรคเดียว พรรคอะไรก็รู้อยู่ ทำอยู่ 6 ปี ทุกคนรักใคร่ สามัคครี ไม่แบ่งแยก แต่ พระอาทิตย์มีขึ้น ก็ต้องมีตก พรรคการเมืองนั้นตกและจบไปแล้ว แต่พวกผมไม่จบและจะเจริญงอกงามต่อไปพร้อมกับค่านิยมของเรา ความเชื่อและแนวทางของเรา เมื่อมีโอกาสกลับมาใหม่ ทั้งนายสุริยะซึ่งสมัยนั้นเป็นเลขาธิการพรรคเราสานต่อเจตนารมณ์และทำงานด้วยใจ ทำงานด้วยสมอง ไม่ใช่ปาก เพื่อให้ผลงานประจักษ์ต่อสายตา ซึ่งจะทำให้ประชาชนหลุดพ้นจากความยากจน”รองนายกรัฐมนตรี กล่าวและว่า
อยากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนำไปขยายผลออกไป ถึงได้เรียกผู้ว่าฯทั้ง 9 จังหวัดมาฟัด้วยวันนี้เพื่อให้เข้าใจใหม่ถึงวิถีทางว่าจะเป็นอย่างไร และงานนี้ยังต้องการให้ทราบแนวทางในการพัฒนาชนบทฐานรากอย่างแท้จริงว่าต้องทำอย่างไร ขอให้มองเป็นระบบเชื่อมต่อทุกอนู การแก้ปัญหาความยากจนไม่ใช่แค่ประกันรายได้ ไม่ใช่จำนำข้าว ประกันราคาเพราะนั่นแค่ปลายเหตุ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือชุมชนจะต้องเข้มแข็ง การเน้นเกษตรกรอย่างเดียวไม่ใช่ ต้องทำให้ชุมชนเข้มแข็งด้วย หลายปีที่ผ่านมาคลำทางไม่ถูก บางแห่งก็ทำซ้ำซ้อน งบประมาณที่เทให้เกษตรกรไปแล้วจำนวนมหาศาลทีเดียว
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในตอนนี้เราต้องใช้ชุมชนเป็นตัวตั้ง ทำให้ดีและมีมูลค่าเพิ่ม นี่คือหัวใจที่จะทำให้เศรษฐกิจฐานรากเติบโตและเข้มแข็ง จากสินค้าที่ผลิตได้จะทำอย่างไรให้ดีละมีรายได้เพิ่ม โอท็อป วิสาหกิจชุมชนถึงตามมา และท่องเที่ยวชุมชนต้องมาเชื่อม ของฝาก ของที่ระลึก ร้านอาหาร โรงแรม ที่พักมีสนองตอบให้นักท่องเที่ยวเพียงพอหรือไม่ หรือเราจะเปลี่ยนจากโฮมสเตย์เป็นโฮมลอร์ดเหมือนที่ญี่ปุ่น สะอาด ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ
“การให้เงินเพิ่มเป็นของง่าย แต่ต้องเอาไปใช้ประโยชน์เป็นของยาก ตอนนี้ภาคการท่องเที่ยวก็ทำแล้ว เราทำทั้งประเทศมีท่องเที่ยวเมืองหลัก สู่เมืองรอง อย่างภาคเหนือเชียงใหม่เป็นเมืองหลัก เชียงรายก็ตามมาจังหวัดที่เหลือก็ต้องเข้าไปช่วย ไม่ใช่แข่งกันแต่ต้องเกื้อกูลกัน ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียน บัตรสวัสดิการของรัฐมีให้สำหรับคนจนก็ถูกต่อว่าไปดูถูกว่าเขายากจน เพราะคนว่ามีจิตใจลำเอียง เรากล้าทำและมีใครกล้าทำ กล้าคิดแบบเราบ้าง อยากจะว่าก็ว่าไป โมเดลที่นำเสนอในวันนี้ถูกต้อง”นายสมคิด กล่าวและยังชี้แจงอีกว่า
ใครว่ารัฐบาลชุดนี้เอื้อคนรวย ละเลยคนจน ตอบมาสิว่าสิ่งที่เราทำไปนั้นเพื่อคนรวยหรือเปล่า เราใจจด ใจจ่อช่วยคนไทย บัตรประชารัฐจะขยายต่อไปไม่จบแค่นี้ ในอนาคตจะมีประกันประชารัฐให้กับคนจนด้วย ผมคิดว่าคนไทยมีหู มีตา ตัดสินเองได้ ประการต่อมาคือเราทั้งหลายทำเพื่อทุกท่านและนี่แค่เริ่มต้น ต้องใช้เวลาอีกเยอะเพราะโครงสร้างไม่ได้รับการพัฒนามานานที่เหลือต้องช่วยกันต่อไป กองทุนหมู่บ้านต้องเอาใจใส่ ธกส.และธ.ออมสินก็ต้องทำตัวเป็นโครงสร้างการเปลี่ยนแปลง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้ว่าราชการจังหวัดหน้าที่ไม่ใช่แค่พูดในสภา แต่ต้องอยู่กับชาวบ้าน สร้างความเปลี่ยนแปลงความคิดว่าการพัฒนาตัวเองต้องทำอย่างไร อยากให้พวกเราสร้างแรงสั่นสะเทือนทั่วประเทศ เพราะแท้สุดแล้วคนไทยต้องยืนหยัดได้ด้วยตนเอง ต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง.