“อนุทิน”ยันคุมมหาดไทยไม่มีเรื่องส่วนตัวบอกผู้ว่าฯอย่าอ่อนไหวเรื่องย้ายเข้ากระทรวงหากปล่อยให้มีการเผา กำชับให้ดำเนินการตามกฎหมายหากพบการฝ่าฝืน

“อนุทิน”ยันคุมมหาดไทยไม่มีเรื่องส่วนตัวบอกผู้ว่าฯอย่าอ่อนไหวเรื่องย้ายเข้ากระทรวงหากปล่อยให้มีการเผา กำชับให้ดำเนินการตามกฎหมายหากพบการฝ่าฝืน

“อนุทิน”สั่งพบฝ่าฝืนเผาให้ดำเนินการตามกฎหมาย หวั่นชาวบ้านไม่ร่วมมือ ย้ำหากแก้ไขไม่ได้ไม่ต้องมีกระทรวงมหาดไทย พร้อมเคลียร์ใจผู้ว่าฯยันพิสูจน์ตัวเองที่มหาดไทย 1 ปี 6 เดือนมาดีและไปดีไม่มีเรื่องส่วนตัวพร้อมสนับสนุนให้ก้าวหน้าในระบบราชการ

วันนี้ (27 ม.ค. 68) ที่ โรงแรมเซ็นทารา ริเวอร์ไซด์ เชียงใหม่ นายอนุทิน  ชาญวีรกูล  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เพื่อติดตามการแแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และชี้แจงแนวทางการฝึกการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ปี 2568 โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด 17 จังหวัดภาคเหนือ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม

สำหรับวาระการประชุมครั้งนี้ประกอบด้วยการติดตามสถานกาณ์ไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จากกรมอุตุนิยมวิทยา กรมควบคุมมลพิษ และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ Gistda นอกจากนี้ยังติดตามผลการดำเนินงานในการแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จากกรมป้องกันปละบรรเทาสาธารณภัย กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรมโยธาธิการและผังเมือง รวมทั้งจาก ผู้ว่าราชการจังหวัด 17 จังหวัดภาคเหนือ จากนั้นได้มอบนโยบาย และแนวทางการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้กับให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ

โดยก่อนการประชุมรองนายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนการประชุมว่า ก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปที่อำเภอแม่แจ่มเพื่อร่วมกิจกรรมในการลดการเผาวัสดุทางการเกษตร ซึ่งพบว่าวัสดุทางการเกษตรที่ยังรอกำจัดมีมากกว่า 700 ตันเฉพาะอำเภอแม่แจ่มแห่งเดียวมีมากกว่า 1 ร้อยกอง หากเกษตรกรเผาตอซังข้าวโพดเหล่านี้พร้อมกันทั้งหมดก็จะเกิด PM 2.5 ปกคลุมทั้งประเทศ อย่างไรก็ตามปัญหาการเผาพื้นที่เกษตรและวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรอย่างพบอยู่เนื่องจากประชาชนยังไม่ร่วมมือเพราะฉะนั้นจะต้องมีการบังคับใช้กฎหมาย

ผู้สื่อข่าวได้ถามนายอนุทินว่าก่อนหน้านั้นได้พูดว่าหากมีพื้นที่ไหนยังมีการเผาพื้นที่เกษตรจะย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดเข้ามาอบรมที่กระทรวงมหาดไทยยังยืนยันหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ก็ต้องให้โอกาสผู้ว่าฯทำงานก่อน แต่ตอนนี้เบื้องต้นที่ได้คุยกับผู้ว่าราชการจังหวัดหลายพื้นที่ทางภาคเหนือก็พบว่ามีความพยายามที่จะแก้ปัญหา หลายพื้นที่มีแผนเผชิญเหตุตรงไหนที่อะลุ้มอล่วยได้และตรงไหนที่อะลุ้มอล่วยไม่ได้ก็ต้องใช้วิธีอื่น ทั้งนี้หากมีการฝ่าฝืนการเผาก็จะให้ใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด

“3-4 ปีที่ผ่านมากรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมีแต่เร่งแก้ปัญหาแต่ไม่เคยมีงบป้องกัน พอเกิดเหตุขึ้นมาก็เร่งแก้ไข วันนี้ผู้บริหารกระทรวงได้มาอยู่พร้อมกัน โดยเฉพาะผู้ว่าราชการ 17 จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งตอนแรกสามารถประชุมออนไลน์ได้แต่ทุกพื้นที่มีความตั้งใจจริงจึงได้มาประชุมร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหา ถ้าหากอยากแก้ไขปัญหากันเผาไม่ได้ก็ไม่ต้องมีแล้วกระทรวงนี้ ถ้าปล่อยให้มีการเผาต่อไปซึ่งมันเป็นไปไม่ได้”นายอนุทิน กล่าว

จากนั้น รองนายกรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมประชุมและกล่าวในที่ประชุมว่า ขอให้ผู้ว่าฯ17 จังหวัดภาคเหนือพยายามแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นpm2.5 ให้บูรณาการและใช้อำนาจในฐานะผู้รับผิดชอบพื้นที่  จะปล่อยให้คนไทยประสบภัยพิบัติตลอด 12 เดือนไม่ได้ เจอน้ำท่วม มาเจอภัยแล้ว ไฟป่า ภัยหนาว แค่น้ำท่วมรัฐบาลใช้เงินไปหมื่นล้านบาทแต่ก็ช่วยได้แค่ระดับหนึ่ง เป็นการแก้ไขเฉพาะหน้า ไม่ใช่แก้ไขระยะยาว ดังนั้นหากเผาก็ต้องจับ

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า แม้ว่าปัญหาจะใหญ่แค่ไหน แต่ต้องค่อยๆ ถอดวงเล็บนั้น ตรงไหนถอดได้ให้รีบแก้ ตรงไหนมันยากก็วงเล็บไว้ก่อน เพื่อลดขนาดปัญหาที่ใหญ่ลงมา เรื่องของไฟป่าถ้ามองทั้งหมดจะดูว่ามันใหญ่เรื่องของการป้องกันภัยพิบัติที่เกิดขึ้นจากมนุษย์เราใช้งบประมาณจำนวนมาก ช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาผมก็มาเชียงใหม่ไปกับผู้บัญชาการตำรวจภาค 5 กับผู้ว่าฯเชียงใหม่ นายกอบจ.เชียงใหม่ไปดูการแก้ไขน้ำท่วม เพิ่งจะแก้ไขปัญหายังไม่เสร็จ เพิ่งอนุมัติเงินไปช่วยชาวบ้าน ซึ่งวิธีการนั้นมันเป็นการแก้ไขปัญหาระยะสั้น แต่ระยะยาวยังไม่ได้เริ่ม แล้วจะปล่อยให้เกิดอีกไม่ได้เพราะตอนนี้แค่ภัยน้ำท่วมใช้งบประมาณไปหมื่นล้านบาทแล้ว

“ทุกท่านเห็นเฮลิคอปเตอร์ของปภ.ที่ใช้ดับไฟมั้ย รวมถึงเฮลิคอปเตอร์ที่พวกเรานั่งไปแม่แจ่มกัน แต่รู้มั้ยประสิทธิภาพการดับไฟ 1 ชั่วโมงของเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นใช้เงิน 2-3 แสนบาทต่อเที่ยว แล้วถ้าปล่อยให้มีไฟไหม้ป่าแล้วใช้ ฮ.ไปดับจะต้องกี่ร้อยเที่ยวถึงจะดับได้ ผมมาอยู่ตรงนี้ได้ 1 ปี 6 เดือนที่ทำงานที่กระทรวงมหาดไทย ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่ามาดี ถ้าจะไปก็จะไปอย่างดีให้พวกท่านได้ประสบความสำเร็จก้าวหน้าในระบบราชการ ใครยังไม่เข้าใจผมของให้ปรับแนวคิดใหม่ เราไม่มีอะไรเป็นเรื่องส่วนตัวเด็ดขาด อย่าไปเซ้นส์สิทีพเมื่อกี้่ก่อนเข้าห้องผู้สื่อข่าวก็ถามว่าถ้าพื้นที่ไหนมีเผาจะย้ายเข้าอบรมที่กระทรวงมั้ย ซึ่ง กว่าจะถึงจุดนั้นรัฐมนตรีก็ไปก่อนแล้ว”รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกล่าวในการประชุมมอบนโยบายให้ผู้ว่าฯ17 จังหวัดภาคเหนือ.

 

You may also like

มูลนิธิหนึ่งน้ำใจ จัดนิทรรศการแสดงและจำหน่ายผลงานศิลปะ ภาพวาดของศิลปินชวนทุกคนเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ

จำนวนผู้