หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ชี้ผลกระทบเศรษฐกิจปี 63 ทรุดทั้งระบบ นักท่องเที่ยวลด 47% ต่างประเทศวูบ 82% รายได้ลดลงถึง 55% คาดในไตรมาส 3 ของปีนี้น่าจะฟื้นตัวกลับมาได้ โดยปัจจัยหลักคือการเร่งฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ให้ครอบคลุมและได้ผลดี ประเมินเศรษฐกิจปี 2564 เตรียมรับประเด็นอัตราการว่างงานและปัญหาหนี้เสียพุ่ง เผยยุคโควิดฯภาคธุรกิจปรับตัวซื้อรถกระบะเปิดขายสินค้าทำยอดขายพุ่งสูงกว่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคล
เมื่อวันที่ 16 ก.พ.64 ที่สำนักงานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ นายวโรดม ปิฎกานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่พร้อมด้วย ดร.กอบกิจ อิสรชีววัฒน์ รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่และคณะกรรมการบริหารฯได้ร่วมกันแถลงข่าวภาวะเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ในช่วง ไตรมาสที่ 4 ปี 2563 และแนวโน้มปี 2564
ดร.กอบกิจ อิสรชีววัฒน์ รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2563 เศรษฐกิจเชียงใหม่หดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนจากวิกฤต COVID-19 แต่ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสที่ 3 จากมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ ทำให้การบริโภคภาคเอกชนและท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว การจองห้องพักโรงแรมช่วงปีใหม่เพิ่มขึ้น แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงักช่วงเดือนธันวาคม จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ กระทบความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหดตัวมาก การผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัว ส่วนหนึ่งจาก COVID-19 อย่างไรก็ตามรายได้เกษตรกรเพิ่มจากปีก่อน ส่วนการลงทุนภาคเอกชนทรงตัวในเกณฑ์ต่ำ ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ยังคงเปราะบางโดยเฉพาะการจ้างงานในธุรกิจท่องเที่ยว อัตราการว่างงานปี 2563 เพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 2.1 เทียบกับร้อยละ 0.9 ปี 2562 รวมถึงปัญหาสภาพคล่องและหนี้สินที่พุ่งสูงขึ้น
ทั้งนี้ หากประเมินภาพรวมทั้งปีของปี 2563 พบว่า สาขาบริการด้านการท่องเที่ยวหดตัวรุนแรง ผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานเชียงใหม่ ไตรมาสที่ 2 หดตัวถึงร้อยละ 93.6 เหลือ 0.16 ล้านคน เทียบกับ 2.52 ล้าน-คน ปีก่อน และไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าจังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ส่งผลต่อการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน การส่งออกและการจ้างงานหดตัวรุนแรง ทั้งนี้ไตรมาสที่ 3 และสองเดือนแรกของไตรมาสที่ 4 ปี 2563 ปรับตัวดีขึ้นโดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนและท่องเที่ยว หลังรัฐบาลผ่อนคลายการควบคุม ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 4 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่หลังจากพบ ผู้ติดเชื้อที่มาจากเมียนมาต่อเนื่องถึงต้นปี และการระบาดรอบที่สองเศรษฐกิจจังหวัดเชียงใหม่สถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวยังไม่คลี่คลายขึ้น
โดยสรุปตลอดทั้งปี 2563 มีนักท่องเที่ยวลดลง 47% คงเหลือนักท่องเที่ยวชาวไทย 4.4 ล้านคน นักท่องเที่ยวต่างประเทศ 561,005 คน ลดลง 82% ทำให้รายได้ลดลงถึง 55% คงเหลือ 42,896 ล้านบาท อัตราการเข้าพักโรงแรมตลอดทั้งปีเฉลี่ย 40% ลดลงร้อยละ 33 ผู้โดยสารทางเครื่องบินในช่วงเดือนธันวาคมที่เริ่มลดลงจากวันละ 74 เที่ยวบิน มีผู้โดยสารประมาณ 15,000 คน คงเหลือในปัจจุบันถึงเดียวกุมภาพันธ์ เพียง 14 เที่ยวบิน ผู้โดยสาร ประมาณ 4,000 คน ซึ่งคาดว่าในไตรมาส 3 ของปีนี้น่าจะฟื้นตัวกลับมาได้ โดยปัจจัยหลักคือการเร่งฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ให้ครอบคลุมและได้ผลดี ก็จะสร้างความมั่นใจการเดินทางท่องเที่ยวขยับขึ้น
ทางด้านนายวโรดม ปิฎกานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2564 ว่า ปัจจัยที่มีผลต่อเศรษฐกิจเชียงใหม่ได้แก่มาตรการและการควบคุมโรคระบาด COVID-19 ที่ต่อเนื่อง ทั้งนี้จากการติดตามและประเมินสถานการณ์แล้วคาดว่าการจับคู่ท่องเที่ยวระหว่างประเทศอาจเกิดขึ้นในปี 2564 นี้ โดยการใช้มาตรการวีซ่าท่องเที่ยวพิเศษ (Special Tourist Visa) พร้อมกับวีซ่าสุขภาพ ซึ่งในระยะแรกอาจเริ่มเปิดเป็นรายพื้นที่เพื่อควบคุมและคัดกรองโรคได้ง่าย โดยมุ่งจังหวัดที่พึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย) หากทำได้ก็จะทำให้เกิดการเริ่มหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ
แม้ว่าในช่วงแรกการจับคู่ท่องเที่ยวจะยังไม่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กลับมาไทยมากเท่าที่ควร แต่น่าจะช่วยเพิ่มความพร้อมต่อการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะต่อไป โดยมีปัจจัยที่สำคัญคือการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมกับการเยียวยาและแก้ไขปัญหาที่กระทบด้านการท่องเที่ยวเรื่องสภาพคล่องและการปรับโครงสร้างหนี้
ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า ปัญหาฝุ่นควันก็เป็นอีกปัจจัยที่จะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.นี้ หากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ให้ดี จากที่นักท่องเที่ยวไทยซึ่งเป็นเป้าหมายหลักจะดึงมาเที่ยวให้มากขึ้นก็อาจจะกระทบความเชื่อมั่นได้ ซึ่งส่วนนี้เองทางหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ก็ได้เข้าร่วมในการจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนหมู่บ้านปลอดการเผา โดยสนับสนุน 14 หมู่บ้านทั่วจังหวัดเชียงใหม่หมู่บ้านละ 5 หมื่นบาทซึ่งได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงไปแล้ว
ขณะที่นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในปี 63 ที่ผ่านมาตัวเลขการซื้อรถยนต์ของเชียงใหม่ลดลงถึงร้อยละ 18 และคาดว่าในปี 64 นี้ตัวเลขก็จะยังหดตัวไปถึงร้อยละ 30 อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ทำให้เทรนด์การซื้อรถยนต์ของคนเชียงใหม่เปลี่ยนไป โดยพบว่าสัดส่วนการซื้อรถยนต์กระบะเพิ่มสูงขึ้น จากเดิมสัดส่วนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลกับรถกระบะอยู่ที่ 50:50 แต่พอมีโควิดรถกระบะขายดีกลายเป็น 70:30 ทั้งนี้เป็นเพราะการปรับตัวของคนในการทำธุรกิจ จากเดิมจะมีการเปิดร้านทำธุรกิจ แต่ปัจจุบันจะเห็นว่ามีการเปิดเป็นฟู้ดทรัคส์มากขึ้น ซึ่งนอกจากขายอาหาร เครื่องดื่มแล้วยังมีเสื้อผ้า ของใช้แม้กระทั่งสินค้าไอที นอกจากนี้ความต้องการรถกระบะเพื่อบรรทุกสินค้าไปส่งให้ลูกค้าซึ่งก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งด้วย
หลังจากนั้น ทางประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ยังเป็นตัวแทนในการมอบทุนการศึกษา เนื่องด้วย มูลนิธิ พล.ต.อ.เภา สารสิน มีการมอบทุนส่งเสริมการศึกษาแก่ทายาทของเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจและบรรเทาความเดือดร้อนของครอบครัว โดยมอบหมายให้หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่เป็นผู้แทนมอบทุนการศึกษาทายาทจำนวน 3 ทุน ประกอบด้วยด.ญ.ศศิวิมล มือขุนทด จำนวนเงิน 20,000.- บาท นายศิรวิชญ์ มือขุนทด จำนวนเงิน 20,000.- บาทและนางสาวศศิวิไล ไชยวงศ์ จำนวนเงิน 20,000.- บาท อีกด้วย