สกน.ระดมมวลชนยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ หนุนร่าง พ.ร.บ. 2 ฉบับ ก่อน สปช.พิจารณา

สกน.ระดมมวลชนยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ หนุนร่าง พ.ร.บ. 2 ฉบับ ก่อน สปช.พิจารณา

- in headline, จับกระแสสังคม

จ.เชียงใหม่ (19 พ.ค.58)/ สมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือกว่า 200 คน ยื่นหนังสือสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.โฉนดชุมชนและธนาคารที่ดิน ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมเข้ารับฟังคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีทุจริตการออกเอกสารสิทธิ์โครงการจัดสรรที่ดินผืนใหญ่บ้านโฮ่ง-ป่าซาง

เมื่อเวลา 13.00 น. สมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) จากจังหวัดเชียงใหม่และลำพูนประมาณ 200 คน นำโดยนายดิเรก กองเงิน ที่ปรึกษา สกน. และ นายสุแก้ว ฟุงฟู กรรมการ สกน. ได้ไปชุมนุมที่หน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยื่นหนังสือสนับสนุนร่างกฎหมาย 2 ฉบับ ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.สิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติในรูปแบบโฉนดชุมชนและ ร่าง พ.ร.บ.ธนาคารที่ดิน ต่อนายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)

นางสาวกัญญรัตน์ ตุ้มปามา สมาชิก สกน.ได้เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ “จับตากฎหมายเพื่อประชาชน ร่วมสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.สิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ ในรูปแบบโฉนดชุมชนและร่าง พ.ร.บ.ธนาคารที่ดิน และขอคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ป่าไม้ชุมชน ที่บิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชน” ระบุว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ที่ดินจึงเป็นปัจจัยสำคัญและเป็นรากฐานเบื้องต้นของการผลิตทางการเกษตร การกำหนดเขตที่ดินในอดีต แม้จะช่วยรักษาที่ดินของรัฐในทางกฎหมายไว้ได้ แต่ก่อให้เกิดข้อพิพาทระหว่างรัฐกับประชาชน เนื่องจากการกำหนดเขตที่ดินของรัฐหรือเขตพื้นที่อนุรักษ์ ขาดความชัดเจน ไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม จนก่อให้เกิดปัญหาการประกาศเขตที่ดินทับซ้อนกับที่ทำกินของประชาชน ซึ่งจากปัญหาดังกล่าว ทาง สกน.เห็นว่าต้องนำหลักสิทธิชุมชนมาใช้ในการแก้ไขปัญหา โดยการให้สิทธิชุมชนเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติในที่ดินของรัฐในรูปแบบกรรมสิทธิร่วม หรือ “สิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ” เพื่อป้องกันการรุกป่าเพิ่มและลดความขัดแย้ง นอกจากนี้ยังต้องมีการจัดตั้ง ธนาคารที่ดิน เพื่อช่วยส่งเสริมการ  กระจายการถือครองที่ดินและพัฒนาที่ดินทำกินของเกษตรกรด้วย

ขณะที่นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่  ได้เดินทางมารับหนังสือข้อเรียกร้องจากนายดิเรก กองเงิน ที่ปรึกษา สกน. พร้อมกล่าวกับผู้ชุมนุมว่าจะนำหนังสือข้อเรียกร้องของทางกลุ่มผู้ชุมนุม ส่งต่อให้ สปช.  ในส่วนของการปฏิบัติคงต้องติดตามต่อไป ว่า สปช.จะมีการพิจารณาร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ อย่างไร แต่เชื่อว่าหากเป็นกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ น่าจะได้รับการตอบรับจาก สปช.

ต่อมาทางกลุ่มได้เดินทางต่อไปยังศาลปกครอง จ.เชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ด้านข้างศาลากลาง จ.เชียงใหม่ เพื่อรับฟังคำพิพากษาของศาลปกครอง ในคดีการทุจริตออกเอกสารสิทธิ์โครงการจัดสรรที่ดินผืนใหญ่บ้านโฮ่ง-ป่าซาง ตำบลศรีเตี้ย อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน โดยศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้กรมที่ดินเพิกถอนโฉนดจำนวน 13 แปลง ภายใน 180 วัน เนื่องจากเป็นการออกโฉนดในพื้นที่ลาดชันเกินกว่าร้อยละ 35 ส่วนที่ดินที่เหลือจำนวน 157แปลง เป็นการออกโดยชอบด้วยกฎหมาย

ด้านนายธนา ยะโสภา เครือข่าย สกน. ได้แสดงความคิดเห็นว่ารู้สึกผิดหวังกับคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ที่มีการถอนเอกสารสิทธิ์เพียง 13 แปลง เพราะชาวบ้านได้ต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมมากว่า 20 ปี ซึ่งตามกฎหมายชาวบ้านมีสิทธิ์ครอบครองโดยปรปักษ์ เนื่องจากอยู่อาศัยมามากกว่า 10 ปี ในส่วนของการเคลื่อนไหวห้วงต่อไปจะร่วมกับ สกน. เรียกร้องในประเด็นโฉนดชุมชนและธนาคารที่ดิน เพื่อให้ชาวบ้านได้มีงบประมาณซื้อที่ดินคืนจากนายทุน  หลังจากนั้นนายธนาฯ ได้อ่านแลถงการณ์ “คดีที่ดิน 1,500 ไร่ จ.ลำพูน ประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อสิทธิในที่ดินทำกิน ที่ดินถูกปล้นไปด้วยความอยุติธรรม”  ซึ่งมีเนื้อหาถึงการทุจริตออกโฉนดที่ดินในโครงการจัดสรรที่ดินผืนใหญ่บ้านโฮ่ง-ป่าซาง ต.ศรีเตี้ย อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน จำนวน 15,000 ไร่ ให้กับนายทุน จนเป็นเหตุให้กลุ่มชาวบ้านยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เมื่อปี 2538

You may also like

CEA – MUJI จับมือดันงานหัตถกรรมท้องถิ่นเชียงใหม่ ผลักดันผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ท้องถิ่นเข้าสู่ตลาดแบรนด์ระดับโลก

จำนวนผู้