ผ่านไป 5 วันงาน “ลานนาเอ๊กซโป 2019”กินดี อยู่ดี วิถีล้านนา ยอดคนเข้าชมงานทะลุ1.5 แสนคนสูงกว่าปีก่อน แต่ยอดขายสินค้าปีนี้ลดลงกว่า 5 ล้านบาท เผยศุกร์-เสาร์-อาทิตย์คนคึกคัก หวัง 2 วันสุดท้ายจะดันงานให้ตรงเป้าหมายที่วางไว้
นายชูชีพ พงษ์ไชย หัวหน้าสำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตาที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 (เชียงใหม่,ลำพูน,ลำปางและแม่ฮ่องสอน)ได้ร่วมกันจัดงาน Lanna Expo 2019 ซึ่งจัดมาตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.-7 ก.ค.62 รวมระยะเวลาจัดงาน 10 วันโดยจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 7
โดยภายในงานแบ่งพื้นที่ออกเป็น 10 โซนกิจกรรม อาทิ โซน Northern Thailand Food Valley จัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผลผลิตทางการเกษตร เกษตรแปรรูป และอาหารที่มีศักยภาพของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของภูมิภาค โซน Lanna Handicraft Festival จัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หัตถกรรม หัตถอุตสาหกรรม ศิลปหัตถกรรม หัตถศิลป์ร่วมสมัย โซน International การแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมจากประเทศต่างๆ โซน Health Fair นำเสนอนิทรรศการเกี่ยวกับสุขภาพ การบริการตรวจสุขภาพโดยแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทย และโซนมหกรรมของดี OTOP & SMEs การจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ของดี 4 จังหวัด ซึ่งขณะนี้การจัดงานดำเนินมาได้ครึ่งทาง
หัวหน้าสำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า จากการประเมินของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB ซึ่งใช้ MICE เป็นจุดดึงงานในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพิ่มโอกาสการสร้างงานและกระจายรายได้สู่ชุมชน ตลอดจนเพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงความต้องการของตลาด เพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของตนเอง และขยายฐานลูกค้าในระดับนานาชาติ โดย 80% ของคนที่มาเที่ยวชมงานเป็นคนเชียงใหม่และกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 และ 2 จำนวนผู้เข้าชม 3 วันแรกคือวันที่ 28-30 มิ.ย.เป็นที่น่าพอใจ จากตัวเลขของปีที่แล้ววันเปิดงานมีผู้เข้าชมงาน 4.6 หมื่นคน ปีนี้ 4 หมื่นคน วันเสาร์ปีที่แล้วมีผู้เข้าชมงาน 4 หมื่นคนปีนี้เพิ่มเป็น 4.3 หมื่นคน วันอาทิตย์ปีที่แล้วมีผู้เข้าชมงาน 5.9 หมื่นคนปีนี้ 5.3 หมื่นคน ยอดรวมทั้ง 3 วันปีที่แล้ว 1.49 แสนคนแต่ปีนี้ผู้เข้าชมงาน 1.53 แสนคน
“อย่างไรก็ตามสำหรับยอดขายในภาพรวมปีที่แล้ว ภายในงานยอดขายไม่รวมยอดสั่งซื้ออยู่ที่ 19.6 ล้านบาท ปีนี้ยอดขายลดลงเหลือ 14 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าปีที่แล้ว 5 ล้านบาท สำหรับวันธรรมดาจำนวนผู้เข้าชมงานเป็นไปตามลักษณะงานเพราะส่วนใหญ่คนไปทำงาน ก็คาดหวังว่าในวันเสาร์และอาทิตย์สองวันสุดท้ายจะมีผู้เข้าชมและยอดจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น”นายชูชีพ กล่าวและว่า
ปีนี้การจัดงานได้มีการยกระดับมากขึ้น โดยเฉพาะมีกิจกรรมจับคู่ธุรกิจหรือบิสสิเนทแมชชิ่ง โดยได้มีการเชิญชวนกลุ่มจังหวัดทั้ง 17 จังหวัดในประเทศไทย ซึ่งมีทั้งประธานหอการค้า สภาอุตสาหกรรมเข้าร่วมงาน โดยมีเป้าหมายให้กลุ่มคนเหล่านี้นำไปขายผลต่อไป โดยทางกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้
ด้านนางจันทรรัตน์ ปิยพัทธไชย์ อุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สำหรับโซน Northern Thailand Food Innovation 2019 มีร้านค้าจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหาร เกษตร และเกษตรแปรรูป ของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน) รวมทั้งโซนกาแฟจากกลุ่มเชียงใหม่เมืองกาแฟ รวมจำนวนกว่า 150 ร้านค้า 3 วันแรกมียอดขายรวมในงานประมาณ 3 ล้านบาทไม่รวมกับยอดสั่งซื้อ
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม Business matching ระหว่างผู้ประกอบการและผู้ซื้อที่บริเวณจัดงาน และในวันเสาร์ที่ 6 ก.ค.นี้ทางเครือเดอะมอลล์ จะมาแมชชิ่งกับสินค้าของกลุ่มจังหวัดฯ ซึ่งก็ถือว่าได้รับการตอบรับอย่างดี บางบูธสินค้าขายได้หมด มีการเจรจรธุรกิจเอง โดยเฉพาะกาแฟที่มีผู้มาขอเจรจาจะซื้อทั้งแบรนด์ ซึ่งอยู่ระหว่างต่อรอง และบางร้านก็มีการมาเหมาสินค้าไป
ขณะที่นางปริษา ปานพรหม ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในส่วนของการท่องเที่ยวนั้นจะเป็นการนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวเป็นหลัก ซึ่งยอดจากการจัดงาน 3 วันแรกจะเป็นของสนามกอล์ฟและโรงแรม ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวก็ยังต้องมีการขับเคลื่อนต่อไปโดยเฉพาะเสน่ห์ล้านนา 4 จังหวัด
เภสัชกรพลแก้ว วัชระชัยสุรพล หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจสุขภาพ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในส่วนของโซน Health Fair ซึ่งเป็นการนำเสนอนิทรรศการเกี่ยวกับสุขภาพ การบริการตรวจสุขภาพโดยแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทย 3 วันแรกก็เป็นไปตามเป้า ซึ่งอธิบดีกรมส่งเสริมสุขภาพได้มาเป็นประธานในพิธีมอบรางวัล Thai World Class SPA และ Nuad Thai Premium , ใบประกาศเกียรติคุณ แก่อนุกรรมการประเมินรับรองและสำนักงานสนับสนุนบริการสุขภาพเขต 1 เชียงใหม่ โดยผู้เข้ารับรางวัลมี 9 รายและ 4 รายเป็นผู้ประกอบการในเชียงใหม่และยังได้รางวัลแพล็ตตินัมอีก 2 รายด้วย
เภสัชกรพลแก้ว กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยได้ส่งเสริมการนวดไทยและได้ส่งการนวดไทยให้เป็นมรดกโลก ซึ่งคาดว่าจะประกาศในปี 2563 ได้ โดยทางกระทรวงสาธารณสุขได้มีการจัดมาตรฐานการนวด และในครั้งนี้ได้มีการมอบรางวัลให้กับผู้ประกอบการร้านนวดไทยจำนวน 14 ราย โดยเป็นผู้ประกอบการในเชียงใหม่ 5 รายที่ได้รับรางวัลนี้ด้วย
ส่วนทางด้านนายเจริญ สีวาโย หัวหน้ากลุ่งานยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชน สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในส่วนของงาน Otop Lanna Expo 2019 กินดี อยู่ดี วิถีล้านนา มีการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้ารวม 270 บูธใน 5 พาวิลเลียน แยกเป็นบูธโอทอป 185 บูธ อาหารชวนชิม 87 บูธ ฟู้ดคอร์ด 12 บูธ พาวิลเลียน 5 บูธและตลาดประชารัฐล้านนา ซึ่งยอดขาย 3 วันแรกรวม ,981,329 บาท ยอดสั่งซื้อ 368,100 บาท รวมทั้งหมดตอนนี้ยอดขายกว่า 10 ล้านบาท โดยสินค้าที่จำหน่ายดีได้แก่ผ้าไหมยกดอกลำพูน เครื่องเงินสันทรายและเสื้อไหมแก้ว.