เชียงใหม่ / ม.เที่ยงคืน ออกแถลงการณ์จวกการคุกคามก้าวเดินมิตรภาพ คือเหยียบย่ำเสรีภาพประชาชน ชี้การใช้อำนาจเช่นนี้สะท้อนถึงความต้องการดำรงอยู่ในอำนาจ มากกว่าทำงานเพื่อประโยชน์ของสังคมผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ม.ค. มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ได้ออกแถลงการณ์ เรื่องคุกคามก้าวเดินมิตรภาพ คือเหยียบย่ำเสรีภาพประชาชน โดยเนื้อความระบุว่า นับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ได้มีการแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนถึงการใช้อำนาจรัฐในการละเมิดต่อสิทธิและเสรีภาพการแสดงออกของประชาชน เมื่อได้มีการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่รัฐขัดขวางการออกก้าวเดินเพื่อมิตรภาพของเครือข่ายประชาชน เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2561 และต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ออกหมายเรียกผู้มีส่วนร่วมในการก้าวเดินฯ ครั้งนี้จำนวน 8 คน ในข้อหาชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป
การก้าวเดินมิตรภาพนี้ต้องการแสดงออกถึงประเด็นทางสังคมต่างๆ ที่มีความสำคัญต่อประชาชน ทั้งเรื่องสุขภาพ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน เป็นต้น โดยเป็นการรวมตัวจากกลุ่มบุคคลที่หลากหลาย ซึ่งเสียงจากผู้คนเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้มีอำนาจไม่ได้ให้ความสำคัญแต่อย่างใด แม้ว่าการดำเนินการในครั้งนี้ก็เป็นไปอย่างสงบและเปิดเผยอันเป็นสิทธิที่รัฐธรรมนูญ (ซึ่งทางผู้มีอำนาจได้มีบทบาทหลักในการจัดทำและประกาศใช้) ได้รับรองไว้อย่างชัดเจน แต่ทางเจ้าหน้าที่รัฐกลับดำเนินการออกหมายเรียกด้วยการอ้างว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 3/2558จึงไม่อาจเข้าใจเป็นอื่นไปได้ นอกจากว่าผู้มีอำนาจรัฐหวาดระแวงและหวาดกลัวต่อการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกของประชาชนที่แม้จะเกิดขึ้นอย่างสงบและสันติก็ตาม ว่าอาจกระทบต่ออำนาจและผลประโยชน์ของตนเองและพรรคพวก จึงได้มีการใช้อำนาจตามคำสั่ง คสช. แม้ว่าจะได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแล้วก็ตาม
การใช้อำนาจในลักษณะเช่นนี้ย่อมไม่ก่อให้เกิดผลดีแต่อย่างใดเลย และยิ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงเป้าหมายที่แท้จริงของผู้มีอำนาจจากการรัฐประหาร ว่ามิได้ต้องการทำงานเพื่อประโยชน์ของสังคมมากไปกว่าการดำรงอยู่ในอำนาจเพียงอย่างเดียว การกล่าวถึงความสุขหรืออนาคตของสังคมไทยที่จะดีขึ้นล้วนแต่เป็นคำโฆษณาชวนเชื่อทางการเมืองที่หาสาระอันใดมิได้แม้แต่น้อย
ระบอบอำนาจนิยมได้พิสูจน์ตนเองมาโดยตลอดในประวัติศาสตร์ของสังคมการเมืองไทยว่าไม่อาจนำมาซึ่งสังคมที่สร้างความก้าวหน้าให้แก่ผู้คนได้อย่างเท่าเทียมและยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นระบอบการเมืองที่เอื้อให้เกิดการทุจริตและการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบได้อย่างกว้างขวางในบรรดาผู้ถืออำนาจอย่างสิ้นไร้ความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ความข้อนี้ได้เป็นที่ประจักษ์ชัดอยู่ต่อหน้าในปัจจุบันโดยไม่จำเป็นต้องยกตัวอย่างประกอบแต่อย่างใดมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับเป้าหมายของการก้าวเดินมิตรภาพว่า “การคืนความสุขและการสร้างความมั่งคั่งยั่งยืน จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยประชาธิปไตยและการเปิดกว้างให้ประชาชนทุกระดับมีส่วนร่วมในการตัดสินใจกำหนดความเป็นไปของบ้านเมือง” มิใช่ด้วยการใช้อำนาจของกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยปราศจากความชอบธรรมและไร้การตรวจสอบจากภาคสังคมและประชาชน
ดังนั้น ทุกคนต้องมีเสรีภาพในการแสดงออก และสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมในการกำหนดความเป็นไปของบ้านเมืองที่พวกเราทุกคนต่างมีสิทธิเป็นเจ้าของ การให้การสนับสนุนต่อเสรีภาพในการก้าวเดินมิตรภาพครั้งนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สังคมไทยสามารถก้าวเดินไปข้างหน้าร่วมกันได้อย่างมั่นคง
ซึ่งแถลงการณ์ฉบับนี้ ออกหลังจากเมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ทหารได้ใช้อำนาจตามคำสั่ง คสช.3/2558 แจ้งความ 8 ผู้ประสานงาน We Walk เดินมิตรภาพ ในข้อหา ขัดขืนคำสั่งหัวหน้าคณะ คสช. ชุมนุมมั่วสุม ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป โดยไม่ได้รับอนุญาต อ้างถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2561 เวลาประมาณ 10.00 น. ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 8 คน เป็นแกนนำการชุมนุม มีผู้เข้าร่วมชุมนุมอีกราว 150 คน และปราศรัยบิดเบือน โจมตีการทำงานของรัฐบาล โดยทั้ง 8 คน ประกอบด้วย นายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ นายอนุสรณ์ อุณโณ นายนิมิตร์ เทียนอุดม นายสมชาย กระจ่างแสง น.ส.แสงศิริ ตรีมรรคา นางนุชนารถ แท่นทอง นายอุบล อยู่หว้า และนายจำนงค์ หนูพันธ์ มีหมายเรียกให้เข้าพบที่ สภ.คลองหลวง ปทุมธานี ในวันที่ 28 ม.ค. 2561 เวลา 9.00 น.สำหรับเส้นทางก้าวเดินมิตรภาพ กำหนดไว้จากกรุงเทพฯ-ขอนแก่น 450 กิโลเมตร หรือ 800,000 ก้าว เพื่อเชื่อมร้อยประชาชนที่มีความคิดเห็นแตกต่างกัน ให้มาร่วมกันแสดงความคิดเห็นสะท้อนปัญหา สร้างความเข้าใจกัน ยืนยันสิทธิของประชนในทุกด้าน ในการมีส่วนร่วมพัฒนาประเทศ.
ภาพ : People GO network, มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน