ป.ป.ส.ประชุมผู้ประกอบการขนส่ง เน้นสกัดกั้นการขนส่งยาเสพติดผ่านทางพัสดุภัณฑ์

ป.ป.ส.ประชุมผู้ประกอบการขนส่ง เน้นสกัดกั้นการขนส่งยาเสพติดผ่านทางพัสดุภัณฑ์

- in headline, จับกระแสสังคม

จ.เชียงใหม่ (7 พ.ค.58) / ป.ป.ส.เชิญผู้ประกอบการกิจการขนส่ง ชี้แจงแนวทางป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อสกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติดผ่านทางบริษัทรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์

เมื่อเวลา 09.30 น.   ที่โรงแรม เชียงใหม่ แกรนด์วิว สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “แนวทางการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ในสถานประกอบกิจการขนส่งสินค้าหรือพัสดุภัณฑ์” ให้แก่ผู้ประกอบกิจการขนส่งสินค้า พัสดุภัณฑ์และผู้ประกอบกิจการรับขนส่งผู้โดยสาร ซึ่งรับจ้างขนส่งสินค้าพัสดุภัณฑ์ในพื้นที่ภาคเหนือ  โดยมีนาย ศิรินทร์ยา สิทธิชัย รองเลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นประธานการประชุม

นายศิรินทร์ยา กล่าวว่า สถานการณ์ยาเสพติดในปัจจุบัน พบว่า กลุ่มผู้ค้าผู้ผลิต นักค้ายาเสพติดได้ปรับเปลี่ยนวิธีการลำเลียงยาเสพติดจากเดิม ใช้วิธีการขนยาเสพติดครั้งละมากๆ โดยทางรถยนต์ส่วนบุคคลหรือรถโดยสารประจำทาง เปลี่ยนมาลดปริมาณลงการขนส่งเหลือเพียง 2,000 – 3,000 เม็ดต่อครั้ง และใช้วิธีขนส่งทางพัสดุภัณฑ์แทน โดยมีการใช้ชื่อปลอมหรือชื่อแฝง ส่งถึงผู้รับปลายทาง

จากการตรวจยึดพัสดุภัณฑ์ยาเสพติด ก็ไม่สามารถติดตามขยายผลได้ถึงผู้ผลิต ผู้ส่งหรือผู้รับได้ เนื่องจากผู้ส่งและผู้รับไม่ได้ใช้ชื่อจริง ดังนั้น  รัฐบาลจึงได้มีมาตรการ โดยการออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่4 (พ.ศ. 2558) เรื่องแก้ไขเพิ่มเติมการกำหนดประเภทสถานประกอบการที่อยู่ภายใต้บังคับของมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในสถานประกอบการ และฉบับที่ 5 (2558)เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิด  โดยมีหลักการสำคัญ คือ กำหนดให้สถานที่หรือที่เก็บสินค้าหรือพัสดุภัณฑ์ต้องอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยายาเสพติดในสถานประกอบการ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2519 กำหนดให้ผู้ประกอบกิจการขนส่ง ต้องคัดเลือกบุคลากรที่ไม่มีประวัติพัวพันกับยาเสพติดเข้าทำงาน จัดทำบันทึกประวัติพนักงาน และต้องจัดทำบันทึกรายละเอียดของผู้ฝากหรือผู้ส่ง (ชื่อที่-อยู่ของผู้ส่งและผู้รับตามบัตรประชาชน)  โดยจัดเก็บไว้ไม่น้อยกว่า 180 วัน ในกรณีที่พบเบาะแสยาเสพติดต้องแจ้งโดยเร็วที่สุด และ ต้องปิดประกาศ พิมพ์หรือประทับในสถานที่เก็บสินค้าหรือพัสดุภัณฑ์หรือบนใบกำกับของ ใบตราส่งหรือเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้ผู้ส่งทราบว่า “ยาเสพติดเป็นสิ่งของผิดกฎหมายและต้องห้ามในการขนส่งโดยเด็ดขาด สิ่งของที่เกี่ยวข้องอาจใช้เป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีตามกฎหมาย” โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา

รองเลขาธิการป.ป.ส.กล่าวอีกว่า ช่วงนี้ ป.ป.ส. ได้มีการขยายผลเครือข่าย ตัดวงจรทางการเงิน  จากเดิมที่จะยึดทรัพย์ได้เพียงผู้รับจ้างขนยาเสพติด ตอนนี้มีการสืบสวนเพื่อขยายผลตัดวงจรทางการเงินไปถึงเครือญาติของผู้ต้องขังคดียาเสพติด เนื่องจากพบว่าเครือญาติของผู้ต้องขังยังมีการลับลอบดำเนินการต่อ ซึ่งทางป.ป.ส.จะใช้มาตรการยึดทรัพย์จากเครือญาติ นอกเหนือจากการขยายผลตัดวงจรทางการเงินแล้ว  ยังมีเรื่องการดำเนินการเข้มงวดกับสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ จากการที่สามารถจับกุมยาเสพติดได้หลายล้านเม็ดแต่ก็ยังมีการผลิตมาเรื่อยๆ  ป.ป.ส.จึงได้ดำเนินการสกัดสารตั้งต้นต่างๆที่ใช้ในการผลิต ตามโครงการปฏิบัติการแผนแม่น้ำโขงปลอดภัย ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างประเทศจีน พม่า ไทย ลาว  ในระยะเวลา 2 เดือน สามารถสกัดกั้นสารตั้งต้นได้ ซึ่งสารเหล่านี้ เมื่อคำนวณแล้ว สามารถหยุดการผลิตยาบ้าได้ 300-400 ล้านเม็ด เมื่อวันที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา โดยรัฐบาลได้เชิญรัฐมนตรีทั้ง 4 ประเทศ มาหารือ เพื่อขยายโครงการแม่น้ำโขงปลอดภัยออกไปถึงเดือนกันยายน  โดยมีนโยบายที่จะสกัดกั้นสารตั้งต้นต่างๆ ที่จะเข้าสู่กระบวนการผลิตยาเสพติด ต่อไป

ด้านนาย วิชัย ไชยมงคล ผอ. ป.ป.ส.ภาค 5 กล่าวว่า สำหรับโครงการความร่วมมือแม่น้ำโขงปลอดภัย ในระยะ 2 เดือนแรกจะเป็นการเข้มงวดตามแนวพื้นที่ชายแดนภาคเหนือตามแนวเขตติดต่อของ 4 ประเทศเท่านั้น แต่ในระยะที่ 2 ที่มีการขยายเวลาถึงเดือนกันยายนนี้ จะขยายพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดตามแนวชายแดนที่ติดกับแต่ละประเทศ เพิ่มขึ้นด้วย

You may also like

CEA – MUJI จับมือดันงานหัตถกรรมท้องถิ่นเชียงใหม่ ผลักดันผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ท้องถิ่นเข้าสู่ตลาดแบรนด์ระดับโลก

จำนวนผู้