นายกรัฐมนตรีห่วงสถานการณ์ไฟป่าสั่งล่าคนเผามาดำเนินคดี

นายกรัฐมนตรีห่วงสถานการณ์ไฟป่าสั่งล่าคนเผามาดำเนินคดี

นายกรัฐมนตรีติดตามสถานการณ์หมอกควันอย่างใกล้ชิด สั่งการเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด นำคนจุดไฟเผาป่ามาดำเนินคดี

ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ติดตาม อย่างใกล้ชิด เป็นห่วงสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ ที่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งมีสาเหตุจากทั้งการเผาในประเทศ และหมอกควันข้ามแดน พร้อมทั้งสั่งการเน้นย้ำให้ทุกจังหวัดได้เร่งระดมสรรพกำลังเพื่อควบคุมและดับไฟ ทั้งการระดมสรรพกำลังภาคพื้นดิน และการใช้อากาศยานของกองทัพ ปภ. และ ทส. รวมถึงการขอความร่วมมือเครือข่าย ชมรมโดรนจิตอาสา และชมรมร่มบิน ในการสนับสนุนการลาดตระเวนและชี้จุดให้เจ้าหน้าที่เข้าดับไฟ จัดกำลังเจ้าหน้าที่ (จนท.ป่าไม้ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปภ. อาสาสมัครและจิตอาสา) เข้าประจำการในระดับหมู่บ้าน

นายกรัฐมนตรี ขอให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด จับกุมคนจุดไฟเผาป่ามาดำเนินคดีตามกฎหมาย และขอให้จัดทำแนวกันเพื่อป้องกันการลุกลามของไฟ รวมทั้งให้เข้มงวดในการควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่นละอองทุกประเภท จัดให้มีการฉีดพ่นและโปรยละอองน้ำเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น รวมไปถึงการดูแลเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน พร้อมกับขอความร่วมมือประชาชนอย่าจุดไฟเผาป่า หรือทิ้งก้นบุหรี่ ช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากพบเห็นเหตุไฟไหม้ป่าให้แจ้งเจ้าหน้าที่ในบริเวณที่ใกล้ที่สุด และให้ความร่วมมือปฎิบัติตามคำแนะนำของส่วนราชการ

สำหรับการแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กรมควบคุมมลพิษ ประสานสำนักงานเลขาธิการอาเซียน ตามกลไกของข้อตกลงอาเซียนเรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน โดยการจัดส่งแบบฟอร์ม รายงานสถานการณ์เป็นประจำทุกวัน เพื่อให้ทุกประเทศรับทราบปัญหา และกำหนดมาตรการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม
.
โดย 17 จังหวัดภาคเหนือส่วนใหญ่ ค่าฝุ่นละออง PM2.5 เพิ่มสูงขึ้น สาเหตุจากทั้งการเผาในประเทศและหมอกควันข้ามแดน (ลมตะวันตก/ลมใต้) ร่วมกับปัจจัยด้านอุตุนิยมวิทยา ที่มีอากาศปิดในช่วงกลางคืนต่อเนื่องถึงเช้า ลมอ่อน การระบายฝุ่นละอองเกิดได้ค่อนข้างน้อย ฝุ่นละออง PM2.5 มีการสะสมตัวในพื้นที่ในปริมาณมาก โดยเฉพาะในภาคเหนือตอนบน มีพื้นที่ที่ฝุ่นละออง PM2.5 “ไม่เกินเกณฑ์มาตรฐาน” คุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลาง (สีเหลือง) เพียง 2 จังหวัด ได้แก่ จ.นครสวรรค์ และ จ.อุทัยธานี ซึ่ง 9 จังหวัดภาคเหนือ ตอนบน ฝุ่นละออง PM2.5 อยู่ในระดับ “มีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง)” เกือบทุกพื้นที่ ยกเว้นเพียง 3 จังหวัด ที่ฝุ่นละอองอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม) ได้แก่ จ.ลำพูน จ.แพร่ และ จ.ตาก และสูงสุดที่ จ.เชียงใหม่ (อ.เชียงดาว)” 360 มคก./ลบ.ม. มีจำนวนจุดความร้อน (Hotspot) ในอนุภูมิภาคแม่โขง (เมียนมา ลาว เวียดนาม กัมพูชา และไทย) จุดความร้อน (Hotspot) วานนี้ (28 มีนาคม 2563) เพิ่มสูงขึ้นทุกประเทศและสูงสุดที่ เมียนมา 10,061 จุด รองลงมา ได้แก่ ลาว 5,061 จุด และ ไทย (รวมทั่วประเทศ) 3,809 จุด.

You may also like

ดีป้า ปิดท้ายกิจกรรม Coding Inspire กระตุ้นเยาวชนเข้าถึงโค้ดดิ้งเท่าเทียมและทั่วถึง
ภายใต้ โครงการ Coding for Better Life ‘สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย

จำนวนผู้