เชียงใหม่ (5 ส.ค.60) / “คุยความจริง เพื่อบิลลี่-จะอุ๊” ตัวแทนเยาวชนโครงการเกี่ยวก้อย ชี้ภาพยนตร์ทำหน้าที่สื่อสารความจริงได้มากและแตกต่างจากข่าว ขณะที่นักกิจกรรมชาติพันธุ์พ้อ สังคมอคติกับชนเผ่า ไม่เปิดช่องรักษาสิทธิ ด้านนักวิชาการย้ำสังคมไทยเกิดปัญหาทับซ้อน กลไกทางกฎหมายทำงานไม่เต็มที่เมื่อเวลา 13.00-17.00 น. มูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดน ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดกิจกรรม “คุยความจริง เพื่อบิลลี่ – พอละจี รักจงเจริญ และ จะอุ๊ – ชัยภูมิ ป่าแส” ที่สมาคมฝรั่งเศส จ.เชียงใหม่ โดยกิจกรรมประกอบด้วยการจัดนิทรรศการ จัดบอร์ดแสดงความคิดเห็น การฉายภาพยนตร์เกี่ยวก้อย 11 ความจริง (หนังสั้น 11 เรื่อง) และกิจกรรมเสวนา“คุยความจริง” วิทยากรประกอบด้วย รศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล นักวิชาการจากนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, นายสมชาติ หละแหลม นักกิจกรรมชาติพันธุ์ และนายธงชัย ชคัตประสิทธิ์ ตัวแทนเยาวชนโครงการเกี่ยวก้อย โดยมีนางอัจฉราวดี บัวคลี่ จากไทยพีบีเอส เป็นผู้ดำเนินรายการ
นายธงชัย กล่าวว่า สื่อมวลชนไม่สามารถที่จะสื่อสารความจริงที่ได้มาทั้งหมด ด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น เพื่อปกป้องแหล่งข่าว หรือเพื่อป้องกันปัญหาการฟ้องร้อง แต่ภาพยนตร์จะทำหน้าที่ในตัวมันเองในการเล่าเรื่อง และยังสามารถตั้งคำถามกับคนดูได้ ภาพยนตร์กับข่าวจึงทำหน้าที่ต่างกัน ทั้งนี้กรณีของนายชัยภูมิ ป่าแส แม้ในพื้นที่เกิดเหตุ จะมีกล้องวงจรปิดจำนวนมาก แต่กลับถูกปกปิดไว้นานมาก อีกทั้งช่วงแรกมีการออกมาให้ข่าวว่ากล้องเสีย แต่ต่อมากลับให้ข่าวใหม่ว่าไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะไม่ตอบโจทย์ทั้งหมด จึงคาดหวังว่ากิจกรรมนี้จะกระตุ้นให้สังคมกลับมาให้ความสนใจข่าวการวิสามัญ บิลลี่ – พอละจี รักจงเจริญ และ จะอุ๊ – ชัยภูมิ ป่าแส เพื่อที่จะได้ตามหาความจริงต่อไป
ด้านนายสมชาติ กล่าวว่า กลุ่มชาติพันธุ์ถูกสังคมมองว่าทำลายป่าไม้ เป็นภัยต่อความมั่นคง และค้ายาเสพติด เมื่อกลุ่มชาติพันธุ์ออกมาปกป้องสิทธิตนเอง และป่าไม้ แต่ไปขัดผลประโยชน์คนบางกลุ่มจนบิลลี่ – พอละจี ถูกอุ้มหาย และกรณีนายชัยภูมิ ป่าแส ที่ถูกทำลายความชอบธรรมด้วยยาเสพติด ปัจจุบันหากกลุ่มชาติพันธุ์จะมีบ้าน มีรถยนต์ ก็จะถูกสังคมมองว่ามาจากการค้ายาเสพติด ทั้งนี้กลุ่มชาติพันธุ์พยายามเรียกร้องสิทธิเกี่ยวกับป่าชุมชน ที่ดินทำกิน หากก็ขัดกับนโยบายรัฐ สาเหตุเพราะกลุ่มชาติพันธุ์ไม่มีส่วนร่วมในการร่างนโยบายนั่นเอง
ขณะที่ รศ.สมชาย กล่าวว่าปัจจุบันมีปัญหาซ้อนทับกัน 3 เรื่อง คือเรื่องแรกสังคมมีทัศนคติด้านลบต่อชาติพันธุ์ ซึ่งเป็นปัญหาเชิงอุดมการณ์ กล่าวคือสังคมไทยมองว่ากลุ่มชาติพันธุ์ทำลายป่าไม้ เป็นภัยความมั่นคง และค้ายาเสพติด 2. การวิสามัญ การอุ้มหาย เป็นปัญหาเชิงระบบกฎหมาย ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในกลุ่มชาติพันธุ์แต่เป็นปัญหาของสังคมไทย 3. สถานการณ์ปัจจุบัน อยู่ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงจำเป็นต้องมองว่ากลไกทางกฏหมายทำงานได้เต็มที่หรือไม่ อย่างไร.