เชียงใหม่ (18 มิ.ย.60) / ทนายความ นำครอบครัวชัยภูมิ ป่าแส-อะเบ แซ่หมู่ 2 เหยื่อวิสามัญ ยื่นอัยการขอสั่งพิสูจน์ศพรอบสอง พร้อมจี้เร่งดึงภาพวงจรปิดจาก พฐ. เข้าบรรจุในสำนวนคดีชันสูตรศพผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 18 พ.ค. นายสุมิตรชัย หัตถสาร ทนายความศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น ทนายความผู้รับทำคดีนายชัยภูมิ ป่าแส เยาวชนนักกิจกรรมชาวลาหู่ถูกทหารวิสามัญฆาตกรรม เมื่อวันที่ 17 มี.ค.60 ได้เดินทางมาที่สำนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมนางนาปอย ป่าแส มารดาของนายชัยภูมิ ตัวแทนชาวบ้านกองผักปิ้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และตัวแทนคณะทำงานเพื่อให้ความช่วยเหลือทางกฏหมายในคดีนี้ เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม โดยมีข้อเรียกร้องถึงอัยการเพื่อให้คดีเดินหน้าและเป็นธรรม
การเดินทางมาครั้งนี้ ครอบครัวของนายชัยภูมิขอให้พนักงานอัยการมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนส่งศพนายชัยภูมิไปผ่าพิสูจน์อีกครั้งที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เนื่องจากมีสิ่งผิดปกติหลายอย่าง ทั้ง ร่อยรอยฟันด้านบนขวาที่แตกหักและหลุดหายไป และ ร่องรอยฟกช้ำตามร่างกายที่ไม่ปรากฏในรายงานการผ่าพิสูจน์ของโรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่ พร้อมขอให้มีการตรวจลายนิ้วมือแฝงของนายชัยภูมิ , นายพงศนัย แสงตะหล้า เพื่อนของนายชัยภูมิ และ ลายนิ้วมือของทหาร บนหีบห่อยาเสพติดของกลาง ในรถ และ วัตถุระเบิดที่พบ เพื่อพิสูจน์ความเกี่ยวข้อง รวมทั้งขอให้พนักงานสอบสวนสอบพยานบุคคลที่เป็นครูโรงเรียนเชียงดาววิทยาคมเพิ่มอีก 2 คน เพื่อยืนยันพฤติกรรมของนายชัยภูมิ
นอกจากครอบครัวชองนายชัยภูมิที่เดินทางมาในวันนี้ ยังมีนางอะหมี่มะ แซ่หมู่ อายุ 60 ปี แม่ของนายอาเบ แซ่หมู่ ซึ่งถูกทหารวิสามัญในลักษณะเดียวกับนายชัยภูมิ โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 ก.พ.60 ที่ผ่านมา ในท้องที่สถานีตรวจภูธรนาหวาย ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ได้เดินทางมายื่นเรื่องที่สำนักงานอัยการ จ.เชียงใหม่ด้วย
นายสุมิตรชัย กล่าวว่า กุญแจสำคัญในคดีนี้ยังคงอยู่ที่ภาพจากกล้องวงจรปิด แม้ตอนนี้ทางตำรวจภูธรภาค 5 จะส่งฮาร์ดดิสไปให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน แต่ภาพก็ยังไม่ถึงมืออัยการ จึงขอให้อัยการเร่งรัดติดตามภาพชุดดังกล่าวโดยเร็ว เพื่อนำเข้าสู่สำนวนการสอบสวนด้วย
ด้านนางนาปอย บอกว่า ทุกวันนี้ยังคงมีเจ้าหน้าที่เข้าไปในหมู่บ้าน แม้จะเป็นการเข้ามาช่วยเหลือพัฒนาหมู่บ้านในด้านต่าง ๆ แต่ทางครอบครัวก็มองว่าไม่ปกติ เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยเข้ามา จึงยังหวาดกลัวทหาร ทำให้ทุกครั้งที่มีกิจกรรมในหมู่บ้านทางครอบครัวไม่กล้าเข้าไปร่วมด้วย ขณะเดียวกันก็ยืนยันได้ว่าลูกชายไม่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และขอให้อัยการช่วยเหลือด้วยความเป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการเข้าร้องขอความเป็นธรรมครั้งนี้เป็นส่วนของคดีไต่สวนการตายที่สำนวนการสอบสวนมาถึงพนักงานอัยการแล้ว ส่วนคดียาเสพติดและคดีวิสามัญฆาตกรรมยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานของตำรวจ โดยผลของคดีไต่สวนการตายจะมีผลต่อคดีวิสามัญฆาตกรรมโดยตรง ทำให้ทางครอบครัวและองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนมีการเคลื่อนไหวเพื่อให้คดีไต่สวนการตายออกมาอย่างถูกต้อง.