ให้ทหาร-ตร.-ปกครองฝังตัวกดดันในพื้นที่เสี่ยง ชี้กลางมี.ค.-เม.ย.เผาหนักหวั่นวิกฤตฝุ่นปลายเดือนนี้อีกรอบ

ให้ทหาร-ตร.-ปกครองฝังตัวกดดันในพื้นที่เสี่ยง ชี้กลางมี.ค.-เม.ย.เผาหนักหวั่นวิกฤตฝุ่นปลายเดือนนี้อีกรอบ

เผยกลางมี.ค.-เม.ย.ช่วงพีคไฟป่าและฝุ่นควัน ผู้ว่าฯสั่งปรับแผนให้ส่งชุดบูรณาการทหาร ตำรวจ ปกครองท้องที่ฝังตัวในพื้นที่ เน้นป้องกันหลังจากลุยดับไฟมาตั้งแต่มกราฯ ขณะที่กองทัพอากาศส่งBT67 บินโปรยน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นลดความหนาแน่นฝุ่นpm2.5วันละ 2 เที่ยว ด้านอุตุฯเตือนปลายเดือนอากาศปิดฝุ่นวิกฤตหนักอีกระลอก

เมื่อวันที่ 17 มี.ค.63 ที่ศูนย์บัญชาการไฟป่าและฝุ่นควันจังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับแผนและวางมาตรการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า โดยกล่าวว่า ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมาทางจังหวัดได้เน้นในเรื่องของการส่งชุดดับไฟเข้าไปปฏิบัติการหลังจากได้รับรายงานเรื่องจุดความร้อน เพื่อไม่ให้ไฟลุกลาม ซึ่งได้ให้แต่ละพื้นที่บูรณาการทุกภาคส่วน รวมไปถึงการจัดชุดลาดตระเวนและทำแนวกันไฟด้วย

อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า ในช่วงกลางเดือนมีนาคา-เมษายนของทุกปี สถานการณ์ฝุ่นควันและไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนจะรุนแรงขึ้น ซึ่งการแอบลักลอบเผาป่าในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนมักจะทวีความรุนแรงในช่วงนี้ ด้วยเหตุนี้ทางจังหวัดจึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือ ซึ่งเราจะปรับยุทธวิธีใหม่จากที่เคยทุ่มกำลังไปดับไฟ ก็จะไปเน้นหนักในการป้องกันและเฝ้าระวังมากขึ้น โดยขณะนี้ทางกองทัพภาคที่ 3 ได้สนับสนุนกำลังพลมาช่วย ทั้งจากกองกำลังผาเมือง กองพลทหารราบที่ 7 มทบ.33 รวมไปถึงจิตอาสาร่มบิน จิตอาสารถขับเคลื่อนวิบาก รวมไปถึงเฮลิคอปเตอร์ของก.ทรัพย์ที่ช่วยบินลาดตระเวนดูจุดที่เกิดไฟด้วย

“ที่ผ่านมา 95% จุดความร้อนที่เกิดขึ้นเป็นพื้นที่ป่า ทุรกันดารการเข้าถึงยาก แต่ถ้าดับไฟไม่ได้จุดความร้อนหรือ Hot Spot ที่ดาวเทียมจะตรวจจับได้ก็จะเพิ่มเป็นทวีคูณ ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องปรับกำลังและเพิ่มการลาดตระเวน รวมทั้งการส่งคนเข้าไปกดดันในพื้นที่ที่มีไฟป่าเกิดขึ้นซ้ำซาก และเมื่อวาน(16 มี.ค.)ก็มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปประชุมร่วมกับทางอำเภอทั้ง 3 โซนซึ่งจังหวัดแบ่งเป็นโซนเหนือ โซนกลางและโซนใต้ โดยให้การบ้านไปว่าต้องให้ความสำคัญกับพื้นที่เสี่ยงสูงไม่ให้เกิดไฟขึ้นอีก”ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวและชี้แจงอีกว่า

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงใยพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนที่ประสบปัญหาฝุ่นควันและไฟป่า เนื่องจากฝนไม่ตกสภาพอากาศแห้งแล้ง ร้อนและยังมีฝุ่นควันเกินค่ามาตรฐานจึงสั่งการให้กองทัพอากาศนำเครื่องบินมาโปรยน้ำ และให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรเตรียมความพร้อมขึ้นปฏิบัติการเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และลดปัญหาฝุ่นpm2.5 ด้วย ทั้งนี้ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่เองเราพยายามจะควบคุมพื้นที่ให้ดีที่สุดและจะมีการประสานกับจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งบ่ายวันนี้มีการประชุมกลุ่มจังหวัดภาคเหนือด้วย จะได้หารือเพื่อแก้ไขปัญหาไฟไหม้ป่าในพื้นที่รอยต่อด้วย

นอกจากนี้ ได้ดำเนินการตรวจควันดำของรถยนต์ส่วนบุคคล เพื่อลดปัญหาฝุ่นควันที่เกิดจากควันดำของท่อไอเสียรถยนต์ เป็นการแก้ไขปัญหาอีกทางหนึ่งด้วย ในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเทศบาลทั่วทั้งจังหวัด จะได้นำรถน้ำออกฉีดพ่น เพื่อสร้างความชุ่มชื้นและล้างทำความสะอาดในแต่ละชุมชน รวมทั้ง ศูนย์ ปภ.เขต 10 ลำปาง ได้สนับสนุนรถต่อต้านวินาศกรรมฉีดพ่นน้ำบริเวณข่วงประตูท่าแพในตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อลดฝุ่นละอองในอากาศและที่เกาะติดบริเวณใบไม้ ขณะที่การจัดพื้นที่ปลอดภัยจากฝุ่นควัน PM 2.5 หรือ safety zone ที่ทางจังหวัดจัดเตรียมไว้ นอกจากห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟของภาคเอกชนแล้ว ยังได้สั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานที่ราชการ ศูนย์เด็กเล็กเปิดให้บริการแต่ประชาชนด้วย แต่บางแห่งไม่มีผู้มาใช้บริการ พร้อมกันนี้ยังได้ มีเจลล้างมือ และหน้ากากอนามัยให้บริการเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 อีกด้วย

ทางด้านนายธนาวุฒิ ปัญจพรอุดมลาภ ผู้อำนวยการศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ กล่าวว่า ในช่วงปลายเดือนมีนาคมระหว่าง27-28 มี.ค.นี้ คาดว่าสภาพอากาศในพื้นที่อากาศจะไม่หมุนเวียนและอุณหภูมิอาจสูงถึง 40 องศา ซึ่งสภาพอากาศแบบนี้จะคล้ายกับช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาซึ่งจะทำให้ฝุ่นควันถูกกดอยู่ในพื้นที่ทำให้ค่าฝุ่นจะหนาแน่นและวิกฤต แต่หากมีลมเข้ามาช่วยก็อาจจะทำให้อากาศถ่ายเทและระบายฝุ่นไปได้บ้าง ซึ่งทางศูนย์อุตุฯได้แจ้งให้ทางศูนย์บัญชาการฯได้ทราบเพื่อวางแผนในการทำงาน โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้มีไฟป่าและฝุ่นควันในพื้นที่เข้าไปสมทบ

น.ต.พีระพัฒน์ ปั้นกล่ำ นักบินจากกองทัพอากาศ กล่าวว่า ทางหน่วยบินได้รับมอบหมายให้มาปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนเพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ฝุ่นควันและไฟป่า โดยให้นำเครื่อง BT67 มาบินปฏิบัติการโปรยละอองน้ำเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและลดความหนาแน่นของฝุ่นpm2.5 ซึ่งจะอยู่ปฏิบัติการ 5 วันตั้งแต่วันจันทร์ที่ 16-20 มี.ค.นี้ โดยจะทำการขึ้นบินวันละ 2 เที่ยวๆ เช้า 1 เที่ยวและบ่ายอีก 1 เที่ยว

ขณะที่นายรังสรรค์ บุศย์เมือง ผู้อำนวยการ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ กล่าวว่า ทางศูนย์ฝนหลวงฯได้ขึ้นปฏิบัติการทุกวันแต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย โดยหากพื้นที่ไหนมีความชื้นเหมาะสมก็จะขึ้นปฏิบัติการทันที เหมือนอย่างที่ผ่านมา แม้ว่าจะไม่ใช่พื้นที่เชียงใหม่โดยตรงแต่การทำให้พื้นที่ใกล้เคียงมีฝนก็จะทำให้ฝนและลมพัดเข้ามาทำให้สถานการณ์ในเชียงใหม่เบาบางลงได้ ซึ่งทุกวันก็มีการเตรียมความพร้อมทุกขณะ

ส่วนทางด้านพ.อ.กฤติ   พันธะสา  เลขานุการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า กล่าวว่า กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ปรับแผนนำเครื่องบินลำเลียงแบบที่ 2ก ( BT -67) ขึ้นปฏิบัติภารกิจบินโปรยละอองน้ำในตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ในวันนี้(17 มี.ค.)ช่วงบ่าย จำนวน 2 เที่ยวบิน เวลา 13.00 และ 13.30 น.เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบจากค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่มีค่าเกินมาตรฐาน มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่

“ในส่วนของการบินโปรยน้ำฯ นั้น แต่ละเที่ยวบินจะบรรทุกน้ำได้เที่ยวละประมาณ 3,000 ลิตร  ซึ่งจะทำให้ละอองน้ำเกิดการกระจายตัวครอบคลุมบริเวณกว้าง และจับตัวกับฝุ่นละอองตกลงสู่พื้นดิน เพื่อบรรเทาความรุนแรงของปัญหา โดยน้ำที่นำมาใช้เป็นน้ำสะอาด และโปรยลงมาเป็นละอองน้ำ จึงไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน ใช้เวลาบินปฏิบัติภารกิจในพื้นที่เป้าหมาย 20 นาทีต่อเที่ยวบิน.

You may also like

บสย. รุกโมเดล “SMEs Digital Gateway” ปั้น 11 สาขาภูมิภาคสู่ศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน

จำนวนผู้