รองแม่ทัพภาคที่ 3 ชี้ 4 ปีไม่เคยเกิดไฟ แนะผู้ว่าฯเชียงรายจับเข่าคุยนายอำเภอสังคายนาแผนป้องกันป่า เผยหลังบินสำรวจดอยจระเข้พบการเข้าไปตัดต้นไม้ แผ้วถาง เผาพื้นที่เตรียมแปลงเกษตร สั่งรื้อเพิงพักให้หมด
พลตรี บัญชา ดุริยพันธ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวภายหลังลงพื้นที่พบปะกับนายอำเภอแม่จัน จ.เชียงราย และเจ้าหน้าที่ทุกๆ ส่วนที่มาช่วยดับไฟบริเวณดอยจระเข้ว่า ปีนี้ดอยจระเข้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่หลังจากที่ 4 ปีผ่าน ไม่เคยมีไฟไหม้มาก่อน ดอยจระเข้เป็นดอยยาวทอดตามแนว ตะวันตกเฉียงเหนือขึ้นจากเขตอำเภอเมืองขึ้นมาที่อำเภอแม่จัน จนมาหยุดอยู่ประมาณหลังกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน 327 อำเภอแม่จันจังหวัดเชียงราย และจากการบินตรวจภูมิประเทศ โดย ฮ.72 ทำให้ผมเกิดความคิดว่าดอยจระเข้คือพื้นที่อุทยาน หรือจะเป็นพื้นที่อะไรก็แล้วแต่ ซึ่งมีเจ้าภาพอยู่แล้ว และสามารถชี้จุดอ้างอิงโดยใช้ข้อมูลแผนที่ดิจิตอล เชฟไฟล์ของ อุทยานหรือป่าไม้ทาบทับดอยจระเข้ได้
“ผมได้เสนอให้นายอำเภอแม่จันและเจ้าหน้าที่ป่าไม้และอุทยานว่า ให้บันทึกจุดที่เกิดไฟไหม้และเอาการทาบทับแนวเขตไปทับดู ซึ่งจะเห็นได้ว่าพื้นที่ ที่ถูกไฟไหม้อยู่ในพื้นที่ซึ่งเป็นป่าสงวนหรือเป็นอุทยานแห่งชาติทั้งนั้น การเข้าไปเห็นพื้นที่จะเห็นร่องรอยการตัดต้นไม้และถากถาง และเผา ซึ่งตั้งใจจะทำเป็นพื้นที่เกษตรแน่นอน ผมจึงแนะนำนายอำเภอว่า ทุกจุดที่มีไฟไหม้ถ้าเป็นลักษณะของการเตรียมพื้นที่เกษตร ต้องสืบสวนหาเจ้าตัว และก็ยึดพื้นที่คืนอย่างเด็ดขาด โดยการประกาศให้ทราบว่าตรงนั้นคือพื้นที่หวงห้ามเป็นเขตอุทยาน และจะต้องไม่มีใครขึ้นไปทำอีกในปีต่อๆ ไป รวมทั้ง การเพิ่มเติมกำลังเฝ้าระวังเขตดอยจระเข้ มีให้มีการเข้าบุกรุกไปทำสิ่งผิดกฎหมายได้อีก”รองแม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวและชี้แจงอีกว่า
ในระหว่างบินตรวจ ยังพบเพิงที่พักบนยอดเป็นจุดๆ ซึ่งเป็นที่พักสำหรับผู้ทำเกษตร ซึ่งตนเห็นว่าต้องเข้าไปรื้อถอน และประกาศเป็นพื้นที่หวงห้ามในการทำเกษตรอย่างเด็ดขาดต่อไป เพราะการที่ทุกฝ่ายต้องใช้กำลังทุกภาคส่วนมาดับไฟดอยจระเข้ ซึ่งเป็นไฟที่ลุกลามรุนแรงในรอบ 4 ปี ต้องใช้ทั้งคน ทรัพยากรและความช่วยเหลือต่างๆ มากมาย ดังนั้นหลังจากที่ไฟสงบ สิ่งที่จะต้องทำก็คือจัดการพื้นที่ให้มีความสงบ โดยใช้มาตรการทางกฎหมายบังคับใช้ และทำข้อมูลสถิติที่เหมือนกันให้ทราบถึงเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนี้ และบันทึกแจกจ่ายเป็นมาตรฐานไปยังหน่วยที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นหน่วยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นหน่วยของอำเภอ จังหวัด ป่าไม้ อุทยาน ต้องมีพื้นฐานของการคิดบนแผนที่ที่ชี้จุด บนมาตรฐานเดียวกันและถูกต้องเหมือนกัน เพื่อใช้ตกผลึกในทิศทางเดียวกัน
นอกจากนั้นการทำแนวกันไฟ ต้องคิดวางแผนทำตามความเหมาะสมและข้อบนเท็จจริงของแนวลม เมื่อเกิดไฟ และจะต้องทำก่อนเดือนกุมภาพันธ์ สำหรับการลาดตระเวนป่า ต้องทำก่อนเดือนกุมภาพันธ์รวมถึงประชาสัมพันธ์ถึงโทษการลงโทษผู้ที่ละเมิดข้อตกลงหรือกฎหมายด้วย นอกจากแนวกันไฟระบบป่าเปียกสมควรถูกนำมาใช้ เพื่อที่จะเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับป่า ซึ่งก็คาดหวังว่าผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายอำเภอแม่จันและนายอำเภอเมืองจังหวัดเชียงรายคงจะต้องหันหน้ามาคุยกัน ในการร่วมกันสังคายนาร่วมกันวางแผน ปกปักรักษาดอยจระเข้ไม่ให้เกิดไฟไหม้ขึ้นอีกในห้วงเวลาต่อๆ ไปได้อีก.
