สนามบินเชียงใหม่เดินหน้าตามแผนพัฒนาฯระยะที่ 1 คาดเสร็จตามกรอบเดิมปี 67 รองรับผู้โดยสารได้ 16.5 ล้านคนต่อปี

สนามบินเชียงใหม่เดินหน้าตามแผนพัฒนาฯระยะที่ 1 คาดเสร็จตามกรอบเดิมปี 67 รองรับผู้โดยสารได้ 16.5 ล้านคนต่อปี

สนามบินเชียงใหม่แจงแผนพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ระยะที่ 1 ปี 61-67 เป้าหมายรองรับผู้โดยสาร 16.5 ล้านคนต่อปี เพิ่มงานก่อสร้างอาคารที่จอดรถยนต์สัมปทานและสร้างอาคารเอนกประสงค์เพื่อบรรเทาความแออัดซึ่งเป็นการลงทุนร่วมระหว่างรัฐและเอกชน คาดการดำเนินโครงการเสร็จตามแผน

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2563 ที่ห้องประชุม 4 อาคารอำนวยการศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ปลัดจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธานแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำสัปดาห์ โดยนายนิตินัย สาสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายบำรุงรักษา ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.)ได้แถลงถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ ระยะที่ 1 ว่า ตามแผนพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ซึ่งคาดการณ์ว่าปริมาณผู้โดยสารผ่านสนามบินเชียงใหม่จะรองรับได้ 8 ล้านคนต่อปีแต่เนื่องจากปี 2562 มีผู้โดยสารที่ผ่านท่าอากาศยานฯเกือบ 12 ล้านคน ท่าอากาศยานเชียงใหม่จึงได้เพิ่มโครงการบรรเทาความแออัดเข้าไปในแผนงานก่อสร้างระยะที่ 1 และขยายระยะเวลาดำเนินการจากเดิมปี 2561-2565 ในวงเงิน 5,000 ล้านบาทไปเป็น 2561-2567 โดยมีเป้าหมายรองรับผู้โดยสาร 16.5 ล้านคนต่อปี หรือเพิ่มขึ้น 2 เท่า จากปัจจุบันที่มีศักยภาพในการรองรับผู้โดยสาร 8 ล้านคนต่อปี

สำหรับโครงการในระยะที่ 1 ประกอบด้วยงานก่อสร้างทางขับขนานเส้นใหม่พร้อมทางขับออกด่วน เพื่อให้สามารถรองรับเที่ยวบินเพิ่มขึ้นจาก 24 เที่ยวบินต่อชั่วโมง เป็น 29-31 เที่ยวบินต่อชั่วโมง, งานก่อสร้างและปรับปรุงลานจอดอากาศยานจาก 20 หลุมจอดเป็น 31 หลุมจอด โดยเป็นหลุมจอดประชิดอาคาร 12 หลุมจอด และหลุมจอดระยะไกล 19 หลุมจอด พร้อมติดตั้งสะพานเทียบเพิ่มเติม 6 ชุด พร้อมระบบ เติมน้ำมันอากาศยานทางท่อ

นอกจากนี้ยังมีงานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ พื้นที่ 70,000 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสารได้   5.3 ล้านคนต่อปี, งานปรับปรุงอาคารผู้โดยสารเดิมเป็นอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ พื้นที่ 48,000 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสารได้ 11.2 ล้านคนต่อปี, งานก่อสร้างอาคารสำนักงาน และงานปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค รวมถึงระบบถนนการจราจรภายในท่าอากาศยานเชียงใหม่

ผู้อำนวยการฝ่ายบำรุงรักษา ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) กล่าวอีกว่า ทั้งนี้จากจำนวนผู้โดยสารผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงระยะเวลา2-3 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2562 มีจำนวนผู้โดยสารสูงถึง 11 ล้านคน ทำให้เกิดปัญหาความแออัดคับคั่งของผู้โดยสาร ทอท.จึงได้อนุมัติแผนเร่งด่วนเพื่อบรรเทาความแออัด (ดำเนินการก่อสร้างปี 2561-2566) ประกอบด้วยโครงการสำคัญ ได้แก่            งานเร่งด่วนเพื่อบรรเทาความแออัดลักษณะการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน,      งานก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์สัมปทาน ปัจจุบันดำเนินการไปแล้วกว่าร้อยละ 90 คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2563 ซึ่งจะสามารถรองรับการจอดรถยนต์ได้ 1,300 คัน  งานก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ ประกอบด้วยพื้นที่เชิงพาณิชย์ 3 ชั้น และพื้นที่จอดรถยนต์ 400 คัน ปัจจุบันอยู่ระหว่างขออนุญาตก่อสร้าง ระยะเวลาก่อสร้าง 14 เดือน

นายนิตินัย กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับงานเร่งด่วนเพื่อบรรเทาความแออัดอาคารสนับสนุนท่าอากาศยานเชียงใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ระยะ 1 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการออกแบบขั้นต้น (Preliminary) ประกอบด้วย 4 อาคารสนับสนุน ได้แก่        งานก่อสร้างอาคารสถานีดับเพลิงและกู้ภัย     งานก่อสร้างอาคารบำรุงรักษา     งานก่อสร้างอาคารคลังสินค้า และงานก่อสร้างพื้นที่สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับอุปกรณ์ภาคพื้น (Ground Service Equipment :GSE)

สำหรับโครงการพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ ระยะที่ 1 นั้น ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA) เพิ่มเติมในบางประเด็น อย่างไรก็ตามการดำเนินงานโครงการพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ ระยะ 1 คาดว่าจะดำเนินการตามแผนในปี 2563-2567 แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาเดิม

และจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (Covid-19) ส่งผลให้จำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารลดลงจำนวนมาก โดยตั้งแต่วันที่ 1 มาราคม 2563 ถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2563 มีจำนวนผู้โดยสารประมาณ 2.5 ล้านคน      ลดลงเกือบร้อยละ 60 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 และหลังจากที่รัฐบาลมีมาตรการผ่อนคลายออกมาเป็นระยะๆ ประกอบกับไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัส Covid-19 ภายในประเทศ ทำให้มีการเดินทางภายในประเทศมากขึ้นเป็นลำดับ ปัจจุบันมีเที่ยวบินให้บริการวันละประมาณ 100 เที่ยวบิน ผู้โดยสารเฉลี่ยวันละ 11,000-12,000 คน จากในเวลาปกติเฉลี่ยประมาณ 220 เที่ยวบินต่อวัน และประมาณผู้โดยสารเฉลี่ยวันละ 30,000 คนต่อวัน.

 

You may also like

เกษตรกร ชี้ซีพีเป็นรายเดียวเข้มนโยบายตรวจสอบย้อนกลับ ไม่รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ และที่มาจากการเผา

จำนวนผู้