“บุญเลิศ”นำทำความสะอาดเมือง ด้านผู้ว่าฯสั่งยกระดับคัดกรองทั้งจังหวัดให้อสม.ลงสแกนทุกพื้นที่

“บุญเลิศ”นำทำความสะอาดเมือง ด้านผู้ว่าฯสั่งยกระดับคัดกรองทั้งจังหวัดให้อสม.ลงสแกนทุกพื้นที่

อบจ.เชียงใหม่จัดกิจกรรม “รวมพลังชาวเชียงใหม่ สู้ภัยโควิด-19”ฉีด พ่น ล้างทำความสะอาดสถานที่แหล่งท่องเที่ยวและแหล่งชุมชน สถานีขนส่งเพื่อสร้างความมั่นใจ ในขณะที่ผู้ว่าฯเชียงใหม่เผยยกระดับการคัดกรอง ให้อสม.ลงสแกนตรวจหาคนเข้าข่าย เพื่อหยุดความวิตกกังวล ชี้หลังครม.มีมติออกมาพร้อมดำเนินการสำหรับสถานบริการและสถานบันเทิงที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ พร้อมจัดประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคทุกวัน

เมื่อวันที่ 17 มี.ค.63 ที่บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดโครงการ “รวมพลังชาวเชียงใหม่ สู้ภัยโควิด-19” ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่จัดขึ้น โดยนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกอบจ.เชียงใหม่ กล่าวถึงวัตถุประสงค์หลักในฐานะองค์กรหลักในการขับเคลื่อนกิจกรรมดังกล่าวรายงานว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้การแพร่ระบาดเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น

ประกอบกับสถานการณ์ปัจจุบันพบว่าจำนวนผู้ป่วยทั่วโลกเกินหลักแสนคนในกว่า 115 ประเทศ ที่พบผู้ติดเชื้อและมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 5,000 ราย จนในที่สุดองค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้การระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 เป็นภาวการณ์ระบาดใหญ่ทั่วโลก ซึ่งวิกฤตในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนทั้งในด้านการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ ชีวิตและความเป็นอยู่อย่างรุนแรงทั่วโลก

ในฐานะที่อบจ.เชียงใหม่เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีหน้าที่ในการกำกับดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติในชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน ตลอดจนเพื่อเป็นการควบคุมสถานการณ์ การป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงได้เป็นแกนนำหลักผนึกกำลังร่วมกับองค์กรภาครัฐและเอกชนในการขับเคลื่อนกิจกรรมภายใต้โครงการรวมพลังชาวเชียงใหม่ สู้ภัยโควิด-19นี้ขึ้น

“กิจกรรมวันนี้คือเราจะมาช่วยกันระดมทำความสะอาด พ่นยาฆ่าเชื้อตามสถานที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ทั้งสถานีขนส่งรถโดยสารสาธารณะ รถประจำทาง ตลาดสด ย่ายการค้า รวมถึงศูนย์การค้า แหล่งชุมชน สถานบันเทิง กระจายครอบคลุมพื้นที่ทั่วเมืองเชียงใหม่เพื่อเป็นการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สร้างความมั่นใจถึงความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติทั้งนี้ทุกหน่วยงานที่เข้าร่วมกิจกรรมจะออกไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ความรับผิดชอบของตัวเองอย่างจริงจังและต่อเนื่อง”นายกอบจ.เชียงใหม่ กล่าว

ทางด้านนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดซึ่งมีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่เป็นเลขานุการและเป็นผู้ได้รับมอบหมายจากกระทรวงสาธารณสุขที่จะเป็นผู้พิจารณาว่ากิจกรรมใด สถานที่ใดที่มีความสุ่มเสี่ยงหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการฯเดิมจะประชุมสัปดาห์ละครั้ง แต่เนื่องจากขณะนี้ประชาชนมีความตื่นตระหนกกันมาก จึงจะให้ยกระดับการทำงานโดยให้คณะกรรมการฯมีการประชุมทุกวันเวลา 10.00 น.ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อที่จะได้ไม่ทำให้ประชาชนสับสน โดยเฉพาะมีการเผยแพร่ แชร์ข่าวลือต่างๆ นานา สร้างความตื่นตระหนกให้กับพี่น้องประชาชน

ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวอีกว่า จังหวัดเชียงใหม่ยืนยันมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพียง 1 รายเป็นชาวจีนซึ่งได้เข้าทำการรักษาที่รพ.มหาราชนครเชียงใหม่จนหายเป็นปกติแล้ว ส่วนผู้ที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงก็เข้าสู่ระบบการกักตัวเอง 14 วันโดยให้ทางอสม.เป็นผู้ติดตาม ตรวจสอบและรายงานต่อคณะกรรมการควบคุมโรคฯซึ่งมีอยู่ร้อยกว่าคน ส่วนผู้ป่วยรายใหม่ที่ได้รับการยืนยันจากกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ในพื้นที่ยังไม่มี เพราะคนที่ติดเชื้อจากสนามมวยก็รักษาตัวอยู่ที่รพ.ที่กรุงเทพฯ

นายเจริญฤทธิ์ กล่าวด้วยว่า ในวันนี้(อังคาร17 มี.ค.)ครม.จะมีมติออกมาซึ่งต่อไปจะมีการพิจารณาตามที่เห็นควร โดยเฉพาะพื้นที่สุ่มเสี่ยงที่อาจจะเกิดการแพร่ระบาด เช่น คาราโอเกะที่มีพนักงานบริการ ส่วนสถานที่โล่งก็อาจจะให้จัดให้มีเจลแอลกอฮอล์ ตรวจวัดไข้ คือต้องปฏิบัติตามหลักที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด อย่างไรก็ตามจังหวัดเชียงใหม่จะเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจคัดกรอง โดยจะให้อสม.ซึ่งมีอยู่ทุกหมู่บ้านเป็นผู้ทำหน้าที่คัดกรอง หากพบมีคนในหมู่บ้าน ชุมชนที่มีอาการป่าวยเข้าข่ายตามลักษณะก็ให้รายงานมาที่คณะกรรมการฯเพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง และควบคุม แต่ทั้งนี้ทางนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่จะเป็นผู้ชี้แจงต่อไป.

You may also like

เกษตรกร ชี้ซีพีเป็นรายเดียวเข้มนโยบายตรวจสอบย้อนกลับ ไม่รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ และที่มาจากการเผา

จำนวนผู้