ตำรวจเผย 12 วันจับดำเนินคดีฝ่าฝืนคำสั่งห้ามเผา 8 คดีขณะที่นายอำเภอทุกแห่งเร่งประชาคมชี้แจงชาวบ้าน

ตำรวจเผย 12 วันจับดำเนินคดีฝ่าฝืนคำสั่งห้ามเผา 8 คดีขณะที่นายอำเภอทุกแห่งเร่งประชาคมชี้แจงชาวบ้าน

ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่สรุป 12 วันนับจากประกาศจังหวัดห้ามเผาในที่โล่งฯ มีผู้ฝ่าฝืนและถูกจับดำเนินคดีแล้ว 7 ราย จาก 8 พื้นที่ ขณะที่แต่ละอำเภอตื่นตัวเร่งลงพื้นที่ประชาคมชาวบ้านและชี้แจงประกาศห้ามเผาฯ ส่งผลให้คุณภาพอากาศเชียงใหม่ดีขึ้นทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่จังหวัดเชียงใหม่ได้มีประกาศจังหวัด ห้ามเผาในที่โล่งแจ้งและได้มีการแจ้งประชาสัมพันธ์ไปทั้ง 25 อำเภอ โดยผู้ที่ฝ่าฝืนจะมีโทษตามความผิดในประกาศจังหวัด และให้ผู้ที่พบแจ้งเบาะแส หรือแจ้งดำเนินคดีได้ที่สถานีตำรวจภูธรในพื้นที่นั้น ล่าสุด พล.ต.ต.พิเชษฐ์ จีระนันตสิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้สั่งการให้แต่ละสถานีที่ได้รับแจ้งความดำเนินคดีสรุปผลการดำเนินคดีกับผู้ที่ฝ่าฝืนคำประกาศห้ามเผาของจังหวัดเชียงใหม่เบื้องต้นรวม 4 คดี

ประกอบด้วยคดีแรกเมื่อเย็นวันที่ 12 ม.ค.63 นายธนกฤต พรหมเสน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 พร้อมด้วยฝ่ายปกครอง ออกตรวจพื้นที่ได้รับผลกระทบจากการเผาในที่โล่ง หมู่บ้านธนาวัลย์ หลัง ร้านค้า 7-11 หมู่ที่ 8 พบเพลิงใหม้กองขยะจากการปรับพื้นที่ก่อสร้างบริเวณดังกล่าว และต่อมาวันที่ 17 ม.ค.63 นายเบเบ ลีจา อายุ 39 ปี ที่อยู่ 322 ม.5 ต.เปียงหลวง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ได้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อหา “ฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อำนวยการจังหวัด ตามประกาศจังหวัดเชียงใหม่ เรื่อง กำหนดเขตควบคุมการเผาในที่โล่งทุกชนิด”เนื่องจากนายเบเบ รับสารภาพว่า เป็นผู้จุดไฟเผากองหญ้าอันเป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย พ.ศ.2550 มาตรา 15,21,22,29,49 รับโทษตาม ม.59
ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพจึงส่งสำนวนพร้อมตัวผู้ต้องหาไปฟ้อง โดยเมื่อวันที่ 21 ม.ค.63 ได้นำตัวนายเบเบฯ ส่งฟ้องซึ่งศาลได้ตัดสินแล้ว. โทษจำคุก 1 เดือน โดยรอลงอาญา 1 ปี และปรับเป็นเงิน 3,000 บาท

รายต่อมาเมื่อวันที่ 17 ม.ค.63 เวลา 17.00 น.สภ.สันกำแพงได้รับแจ้งเหตุคนเผาหญ้าข้างถนนม.12 ต.สันกำแพง และวันที่ 21 ม.ค.63 นายเต็ง Mr.Sai Thein อายุ 39 ปีอยู่ม.12 ต.ท่าวังตาล อ.สารภีได้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและรับสารภาพว่าได้จุดไฟเผาหญ้าข้างทางห่างจากถนนในหมู่บ้านประมาณ 300 เมตร จนท.จึงได้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 500 บาทในข้อหาเผาหรือกระทำการด้วยประการใดๆ ในระยะ 500 เมตรจากทางเดินรถเป็นเหตุให้เกิดควันหรือสิ่งอื่นใด ตามคดีประจำวันที่ 28/63

ส่วน อีก 2 รายเกิดขึ้นที่อ.ดอยเต่า รายแรกเมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 22 มกราคม 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอยเต่าได้จับกุมตัวนายสิงหา อินเหมือน อายุ 19  ปี  บ้านเลขที่ 330 ม.3   ต.ท่าเดื่อ อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ ที่สวนลำไย ริมถนนสาย ฮอด – แม่ตืน หมู่บ้านวังหลวง   ม.4 ต. ท่าเดื่อ อ.ดอยเต่า  จ.เชียงใหม่ (อันเป็นทางสาธารณะ)ในข้อหา.. “เผา หรือ กระทำการใดๆ ภายในระยะ 500 เมตร จากทางเดินรถอันเป็นเหตุให้เกิดควันหรืออื่นใด ลักษณะที่อาจทำให้ไม่ปลอดภัยแก่การจราจรในทางเดินรถ” ซึ่งเป็นการกระทำผิดซึ่งหน้า เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมออกตรวจท้องที่ผ่านป่าละเมาะใกล้กับถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1103 กม.ที่ 37 ถึง กม.38 เมื่อถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ พบชายกำลังจุดไฟเผาขยะและกิ่งใบไม้แห้งอยู่บริเวณดังกล่าว

ส่วนอีกรายเมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 22 ม.ค.63 เจ้าหน้าที่สภ.ดอยเต่าได้จับกุมนายจรัส อินเหมือน อายุ 27 ปี บ้านเลขที่ 330 หมู่ 3 ต.ท่าเดื่อ อ.ดอยเต่าได้ที่สวนลำไยริมถนนในหมู่บ้านแปลง  ม.1 ต.ท่าเดื่อ อ.ดอยเต่า ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกตรวจท้องที่ผ่านจุดเกิดเหตุพบายจรัสกำลังจุดไฟเผาขยะและกิ่งใบไม้แห้ง โดยอ้างว่าไม่ทราบมาก่อนว่ามีประกาศจังหวัดห้ามเผาฯ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาเผาหรือกระทำการด้วยประการใดๆ ในระยะ 500 เมตรจากทางเดินรถเป็นเหตุให้เกิดควันหรือสิ่งอื่นใด

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นอกจากคดีที่พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาและส่งฟ้องศาลไปแล้ว ยังมีกรณีที่ นายดิพร สุริยะชัยพันธ์ ผู้ใหญ่บ้านแม่มะลอ ม.9 ต.แม่นาจร อ.แม่แจ่ม ว่า พบกลุ่มควันคาดว่าจะเป็นไฟไหม้ป่า บริเวณป่าต้นน้ำแม่มะลอ นายดิพร จึงนำกำลังชาวบ้านแม่มะลอ รวมทั้งสิ้น 13 คน เข้าสำรวจพื้นที่เกิดกลุ่มควัน และได้ทำการดับไฟเสร็จสิ้นเวลา 12.45 น. เบื้องต้นพื้นที่เสียหายประมาณ 8 ไร่ สาเหตุ เกิดจากการลักลอบเผา ซึ่งพล.ต.ต.พิเชษฐ์ จีระนันตสิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ได้สั่งการให้ ผกก. สภ. แม่แจ่ม ประสาน ผู้ใหญ่บ้านแม่มะลอ เพื่อรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีกับผู้ลักลอบเผาด้วย

นอกจากนั้นศูนย์อำนวยการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) อำเภอแม่อาย ได้รับแจ้งมีการลักลอบเผา ในพื้นที่ หมู่ที่ 12 ต.แม่นาวาง  จึงได้สั่งการให้ฝ่ายปกครองในพื้นที่ ร่วมกับ จนท.ตำรวจ สภ.แม่อาย ลงตรวจสอบพื้นที่ พบว่ามีการลักลอบเผาจริง จึงได้ร่วมกันจับกุมนายอติเทพ ชัยเมืองใจ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 187 ม.1 ต.ศรีดงเย็น อ.ไชยปราการ จว.เชียงใหม่ ในข้อหา “เผา หรือกระทำด้วยประการใดๆ ภายในระยะห้าร้อยเมตรจากทางเดินรถเป็นเหตุให้เกิดควัน หรือสิ่งอื่นใดในลักษณะที่อาจทำให้ไม่ปลอดภัยแก่การจราจรในทางเดินรถ” เหตุเกิด สวน ในหมู่บ้านเทพมงคล ม.12 ต.แม่นาวาง อ.แม่อาย ฯ ปรับเป็นเงิน 500 บาท ตามคดีเปรียบเทียบปรับ สภ.แม่อาย ที่ 52/63 ลง 22 ม.ค. 63

ทั้งนี้นับตั้งแต่จังหวัดเชียงใหม่ มีประกาศจังหวัดเชียงใหม่มาตรา 74 ห้ามเผาขยะหรือหญ้าหรือสิ่งอื่นใด (ในวันที่ 13 ม.ค. 63) โดยเป็นช่วงที่จังหวัดเชียงใหม่ประกาศห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด (ระหว่างวันที่ 10 ม.ค. – 30 เม.ย. 63) พบผู้ที่กระทำผิดและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีรวม 6 รายโดยศาลได้ตัดสินแล้ว 1 ราย คงเหลือที่ต้องติดตามตัวมาดำเนินคดีอีก 2 รายคือกรณีเผาในพื้นที่เกษตรในเขตอำเภอสารภี และลักลอบเผาในเขตอ.แม่แจ่ม ซึ่งรวม 12 วันนับตั้งแต่คำสั่งบังคับใช้กฎหมายตามประกาศจังหวัดมีผู้ฝ่าฝืนกระทำความผิดรวม 8 ราย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากที่ศาลได้ตัดสินคดีเผาในที่โล่งฯ ฝ่าฝืนคำประกาศห้ามเผาของจังหวัดเชียงใหม่ไปแล้ว ทำให้แต่ละอำเภอมีการตื่นตัวเร่งออกประชาคมชี้แจงประชาชนในพื้นที่ของตนเองอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ศูนย์บัญชาการสั่งการไฟป่าและฝุ่นควันของจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและสั่งการให้ทุกอำเภอรายงานผลการปฏิบัติงานเข้ามายังกลุ่มไลน์ของศูนย์สั่งการฯ โดยเฉพาะเมื่อGisda ส่งข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียมที่ตรวจจับความร้อนและพิกัดในพื้นที่ทั้งรอบเช้าและบ่าย โดยให้แต่ละพื้นที่ที่พบจุดความร้อนเข้าไปดำเนินการและรายงานผลการปฏิบัติงานต่อจังหวัด ส่งผลให้เช้าวันนี้(23 ม.ค.)ค่าตรวจวัดคุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่มีคุณภาพอากาศที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ทั้งนี้รายงานจุดความร้อนข้อมูลจากดาวเทียมระบบ VIIRS (Suomi NPP) พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ประจำวันที่​ 23 มกราคม 2563 (เช้า) พบจุดความร้อนทั้งหมด​ 23 จุด อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 10 จุด ป่าอนุรักษ์ 13 จุด (พื้นที่เตรียมประกาศอุทยานแห่งชาติแม่โถ / อุทยานแห่งชาติออบหลวง / อุทยานแห่งชาติแม่วาง) ขณะที่ข้อมูลดาวเทียมระบุว่าในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบนจังหวัดเชียงใหม่พบจุดความร้อนมากที่สุด 23 จุดรองลงมาคือลำปาง 15 จุด ตาก 13 จุด พะเยาและลำพูนจังหวัดละ 10 จุด แม่ฮ่องสอน 6 จุด เชียงราย แพร่และน่านจังหวัดละ 2 จุด.

 

You may also like

เกษตรกร ชี้ซีพีเป็นรายเดียวเข้มนโยบายตรวจสอบย้อนกลับ ไม่รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ และที่มาจากการเผา

จำนวนผู้