จี้ด่านตรวจรายงานเข้า-ออกป่า สั่งจับตาพื้นที่เฝ้าระวังทั้งดอยสุเทพและดอยหลวงเชียงดาว

จี้ด่านตรวจรายงานเข้า-ออกป่า สั่งจับตาพื้นที่เฝ้าระวังทั้งดอยสุเทพและดอยหลวงเชียงดาว

รองอธิบดีปภ.ให้ KA32 อยู่ช่วยดับไฟป่าต่อหลังพบสถานการณ์วิกฤต ในพื้นที่เฝ้าระวังทั้งดอยสุเทพและดอยหลวงเชียงดาว ขณะที่”รองฯท็อป”เผยพื้นที่เฝ้าระวังให้ส่งรายงานการเข้า-ออกพื้นที่ป่าและลาดตระเวน หลังพบจุดความร้อนที่ดาวเทียมจับได้เป็นพื้นที่ลักลอบเผาขนาดใหญ่อยู่นอกพื้นที่บริหารจัดการเชื้อเพลิง

เมื่อวันที่ 3 เม.ย.64  ที่ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นpm2.5 จังหวัดเชียงใหม่ นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมด้วยนายรัฐพล นราดิศร รองผวจ.เชียงใหม่ ร่วมกันประชุมคณะทำงานป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าฯ โดยประธานแจ้งที่ประชุมว่าในช่วงนี้ถือเป็นช่วงวิกฤตของการเกิดไฟป่าหมอกควันและฝุ่นฯ โดยเฉพาะในพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษทั้งดอยหลวงเชียงดาว และดอยสุเทพ ซึ่งปรากฏว่าแม้จะจัดกำลังลาดตระเวนและเฝ้าระวัง ตั้งด่านตรวจ ประกาศปิดป่าแต่ก็ยังปรากฏการลักลอบเผาในหลายพื้นที่

รองอธิบดีกรมปภ.กล่าวว่า ตอนนี้สถานการณ์ไฟป่าฯค่อนข้างรุนแรง ทางกรมปภ.ได้ส่ง KA32 มาประจำที่เชียงใหม่ 2 ลำและขณะนี้อีกลำถึงวงรอบซ่อมบำรุงทำให้เหลือปฏิบัติงานเพียง 1 ลำ ก็ต้องช่วยกันวางแผนเพื่อให้การใช้KA32 ต่อเนื่อง และไม่ให้เอาเรื่องการกลับไปซ่อมบำรุงมาเป็นอุปสรรค เพราะถ้าใช้เฮลิคอปเตอร์อย่างเดียวไม่สามารถควบคุมไฟได้ โดยเฉพาะในพื้นที่เข้าถึงยากลำบาก และKA32 มีประสิทธิภาพและศักยภาพในการปฏิบัติงานได้ดีกว่า

“อย่างไรก็ตามสิ่งที่กังวลคือ ภาคพื้นดินที่ชี้เป้าและทีมกำกับภาคพื้นและสั่งการที่แม้ได้มีการซักซ้อมกันแล้ว แต่อยากให้มีการสำรวจแหล่งน้ำให้ดีซึ่ งสำคัญอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาอุปสรรคสำคัญคือแหล่งน้ำตื้นเขินและมีเศษตอไม้ ทำให้การสูบน้ำได้น้อย ไม่เต็มประสิทธิภาพและทำให้การบินเพื่อทิ้งน้ำดับไฟทำได้ล่าช้าและความถี่น้อยลง ทั้งนี้ปภ.ก็ยังให้ KA32 มาช่วยภารกิจไฟป่าในพื้นที่เชียงใหม่จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย”นายเชษฐา กล่าว

ทางด้านนายรัฐพล กล่าวว่า ปีนี้มีKA32  มาช่วย2 ลำ แต่ต้องสลับกันกลับไปซ่อมบำรุง แต่อย่างไรก็ตามหากอนาคตกรมปภ.ให้มาประจำที่เชียงใหม่จะทำให้เพิ่มศักยภาพในการป้องกันและแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วทันสถานการณ์มากขึ้น โดยเฉพาะในห้วงที่เกิดวิกฤตไฟป่าฯของจังหวัดเชียงใหม่

รองผวจ.เชียงใหม่ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ไฟป่าและฝุ่นpm2.5 ของจังหวัดเชียงใหม่ยังเกินค่ามาตรฐาน และปริมาณจุดความร้อนที่สูงขึ้นในช่วงนี้จากการตรวจสอบพบว่าจุดความร้อนที่ดาวเทียมจับได้นั้น เป็นจุดความร้อนที่มีขนาดใหญ่และอยู่นอกพื้นที่บริหารจัดการเชื้อเพลิง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลักลอบเผาโดยจะมีเนื้อที่ที่ถูกเผาระหว่าง 50-100 ไร่ขึ้นไปซึ่งดาวเทียมจะจับจุดความร้อนกลุ่มใหญ่นี้ได้

“ตอนนี้ได้ประสานสั่งการไปยังพื้นที่เสี่ยง และเฝ้าระวังเป็นพิเศษคือ อ.เมือง(ดอยสุเทพ-ปุย) แม่ริม หางดง เชียงดาว พร้าว แม่แตง ไชยปราการ เวียงแหง ที่มีปัญหาไฟไหม้ซ้ำซาก แม้จะบอกว่ามีการตั้งด่านและลาดตระเวนแต่ก็ยังไม่เคยเห็นรายงาน เพราะฉะนั้นขอให้อำเภอเหล่านี้ส่งรายงานการตั้งด่านด้วยว่ามีการขออนุญาตเข้าและออกอย่างไรด้วย เพราะไฟที่เกิดขึ้นมีระบุสาเหตุว่าเข้าไปหาของป่า ล่าสัตว์ ลักลอบเผาแต่ด่านก็มีทำไมถึงยังเกิดซ้ำซาก”นายรัฐพล กล่าว.

 

You may also like

SUN และ EXE มอบอาหารช่วยผู้ลี้ภัยชายแดนเมียนมา

จำนวนผู้