ครบรอบ 25 ปีบสย.จัดกิจกรรม CSR ร่วมสานต่อปณิธานของพ่อใน 6 จังหวัดเมืองเศรษฐกิจทั่วทุกภาคของประเทศ

ครบรอบ 25 ปีบสย.จัดกิจกรรม CSR ร่วมสานต่อปณิธานของพ่อใน 6 จังหวัดเมืองเศรษฐกิจทั่วทุกภาคของประเทศ

- in headline, เศรษฐกิจ

บสย.ร่วมกับคลังจังหวัดเชียงใหม่และกองทุนการออมแห่งชาติ จัดกิจกรรมเชิงสันทนาการ สืบสานปณิธานแห่งความพอเพียง มีทุนพร้อม มีออมพอ ชีวิตมีสุขภายใต้โครงการ CSR “25 ปี บสย. ร่วมสานต่อปณิธานของพ่อ”ใน 6 จังหวัดทั่วทุกภาคของประเทศ พุ่งเป้าที่จังหวัดที่เป็นรากฐานสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ที่ห้องประชุมเทศบาลเมืองแม่เหียะนายนิธิศ มนุญพร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เป็นประธานเปิดกิจกรรมเชิงสันทนาการ “สืบสานปณิธานแห่งความพอเพียง มีทุนพร้อม มีออมพอ ชีวิตมีสุข” ภายใต้โครงการ CSR “25 ปี บสย. ร่วมสานต่อปณิธานของพ่อ” ซึ่งบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ บสย. ร่วมกับสำนักงานคลังจังหวัดเชียงใหม่ และกองทุนการออมแห่งชาติ และเทศบาลเมืองแม่เหียะจัดขึ้น

นายนิธิศ มนุญพร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่า นอกจากภารกิจหลักในการค้ำประกันสินเชื่อแล้ว บสย. ยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ให้มีความเข้มแข็ง ยั่งยืน ควบคู่ไปกับการดำเนินงานด้านการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม โดยมีแนวทางในการพัฒนาช่วยเหลือสังคมและชุมชน โดยมุ่งส่งเสริมให้ SMEs มีความรู้ความเข้าใจในด้านการบริหารจัดการทางการเงิน การออมเงิน รวมไปถึงการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อสร้างโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง สร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อพัฒนาศักยภาพในการประกอบธุรกิจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการ SMEs ในประเทศไทยมีความต้องการเป็นอย่างมาก

ในปี พ.ศ. 2560 นี้ เป็นปีที่ บสย. ดำเนินกิจการครบ 25 ปี บสย. จึงได้จัดทำโครงการด้านการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) โดยใช้ชื่อกิจกรรมว่า “สืบสานปณิธานแห่งความพอเพียง มีทุนพร้อม มีออมพอ ชีวิตมีสุข” ภายใต้โครงการ “25 ปี บสย. ร่วมสานต่อปณิธานของพ่อ” โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจให้กับผู้ประกอบธุรกิจและผู้นำชุมชน ในการเตรียมเงินทุนให้พร้อม เตรียมเงินออมให้พอ สู่วิถีแห่งความพอเพียงตามแนวพระราชดำริปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการ SMEs มีสุขภาพทางการเงินและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ถือเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังเป็นเพิ่มโอกาสให้ SMEs ลูกค้า บสย. มีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อสังคม เพื่อสานต่อความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการเงิน ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค

ในประเทศไทย มีผู้ประกอบการ SMEs อยู่ประมาณ 2.7 ล้านราย แต่ บสย. ได้เลือกสรรพื้นที่ในการจัดกิจกรรม โดยคำนึงถึงความร่วมมือของหน่วยงานพันธมิตร และความพร้อมของชุมชนในพื้นที่ และครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 3 ของการจัดกิจกรรมในปีนี้ และนับเป็นโอกาสอันดียิ่ง ที่ บสย. ได้ร่วมมือกับ คณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัดเชียงใหม่ (คบจ. เชียงใหม่) และกองทุนการออมแห่งชาติ จัดกิจกรรม “สืบสานปณิธานแห่งความพอเพียง มีทุนพร้อม มีออมพอ ชีวิตมีสุข” ในครั้งนี้

กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวอีกว่า การจัดกิจกรรม CSR ประจำปี 2560 ภายใต้แนวคิด “25 ปี บสย. ร่วมสานต่อปณิธานของพ่อ”  ผ่านกิจกรรม “สืบสานปณิธานแห่งความพอเพียง มีทุนพร้อม มีออมพอ ชีวิตมีสุข” โดยวันที่ 4 ก.ค. บสย. ได้ร่วมกับ คบจ. จังหวัดเชียงใหม่ และในวันที่ 5 ก.ค. บสย. ร่วมกับ สำนักงานคลังจังหวัดเชียงราย จัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจให้ผู้ประกอบธุรกิจและผู้นำชุมชน เสริมสร้างการเตรียมเงินทุนให้พร้อม เตรียมเงินออมให้พอ ตามแนวพระราชดำริปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในรูปแบบกิจกรรม กระจายตามฐานต่างๆ 5 ฐาน เช่น การเตรียมความพร้อม ฐานเพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ฐานการออม ฐานส่งเสริมความรู้ โดยเชิญผู้ประกอบธุรกิจ ผู้นำชุมชน และให้ SMEs ที่เป็นลูกค้า บสย. เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมดังกล่าว  

การดำเนินงานเพื่อสังคมในรูปแบบการพัฒนาช่วยเหลือสังคมและชุมชนนั้น บสย. มุ่งส่งเสริมการเรียนรู้การบริหารจัดการทางการเงิน การออมเงิน รวมไปถึงการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อสร้างโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง ด้วยตระหนักว่าเป็นภารกิจที่ บสย. ต้องดำเนินการเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ สร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินให้แก่ผู้ประกอบการ เสริมสร้างชุมชนและสังคมให้มีพื้นฐานทางการเงินที่มั่นคงแข็งแรง สามารถวางแผนการเงินและการลงทุนได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการมีสุขภาพทางการเงินและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน

กิจกรรม CSR ประจำปี 2560 กำหนดจัดขึ้นใน 6 จังหวัด ซึ่งปีนี้พุ่งเป้าที่จังหวัดที่เป็นรากฐานสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว 2 จังหวัด คือ จังหวัดสุรินทร์ และ บุรีรัมย์ ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากองค์กรพันธมิตร ผู้นำชุมชน และ ผู้ประกอบการ SMEs  และมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก สำหรับการดำเนินกิจกรรมครั้งนี้ จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย มีผู้ตอบรับการเข้าร่วมกิจกรรมและให้ความสนใจจำนวนมากเช่นกัน  โดยครั้งสุดท้ายกำหนดจัดขึ้นในเดือนสิงหาคม ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และ สุราษฎร์ธานี .

You may also like

เกษตรกร ชี้ซีพีเป็นรายเดียวเข้มนโยบายตรวจสอบย้อนกลับ ไม่รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ และที่มาจากการเผา

จำนวนผู้