การท่าอากาศยานเชียงใหม่เตรียมผุดโครงการ”พาน้ำพริกกลับบ้าน”

การท่าอากาศยานเชียงใหม่เตรียมผุดโครงการ”พาน้ำพริกกลับบ้าน”

ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เตรียมผุดโครงการ “พาน้ำพริกกลับบ้าน” เป็นของขวัญให้แก่ผู้โดยสารช่วงปีใหม่ หลังพบว่าเพียงแค่ 2 วันนักท่องเที่ยวต้องทิ้งน้ำพริกหนุ่มกว่า 156 ชิ้น

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 18 ธ.ค. 62 นายสาธิต เดชะตุงคะ ผู้อำนวยการฝ่ายรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ทาง ทชม. เตรียมผุดโครงการ “พาน้ำพริกกลับบ้าน” เป็นของขวัญให้แก่ผู้โดยสารช่วงปีใหม่ เนื่องจากในห้วงวันที่ 17 – 18 ธ.ค. ทางท่าอากาศยานเชียงใหม่ พบว่านักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ พบว่ามีอัตราการทิ้งน้ำพริกหนุ่ม จำนวน 156 ถุง เพราะไม่สามารถที่จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวนำขึ้นเครื่องได้ เพราะถือว่าเป็นของเหลวชนิดหนึ่ง จึงต้องดำเนินการตามมาตรการการนำของเหลวขึ้นบนห้องโดยสารอากาศยานสำหรับผู้โดยสาร

นายสาธิต กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับอาหารพื้นเมืองที่เข้าข่ายตามประกาศของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้แก่ อาหารพื้นเมืองที่มีลักษณะเป็น อาหารเหลว และน้ำพริกต่างๆ ที่มีส่วนผสมของน้ำจำนวนมาก ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงน้ำพริกหนุ่มที่เป็นของขึ้นชื่อของจังหวัดเชียงใหม่ด้วย หากต้องการนำไปกับอากาศยานต้องอยู่ในรูปแบบสัมภาระลงทะเบียน หรือหากต้องการนำติดตัวขึ้นไปบนห้องโดยสารอากาศยาน จะต้องอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดสนิท มีปริมาตรไม่เกิน 100 มิลลิลิตร และมีข้อความระบุปริมาตรของบรรจุภัณฑ์อย่างชัดเจน ส่วนอาหารพื้นเมืองอื่นๆ เช่น แคบหมู ไส้อั่ว สามารถนำเข้าเขตหวงห้าม และขึ้นบนห้องโดยสารอากาศยานได้ แต่ต้องปิดบรรจุภัณฑ์ให้มิดชิด เพื่อไม่ให้เกิดกลิ่นรบกวนภายในห้องโดยสารอากาศยาน หากผู้ที่นำติดตัวไปแล้วเกิน จำเป็นต้องทิ้งทั้งหมด

ด้วยความเห็นใจและยังมีข้อยกเว้นบางประกาศที่นักท่องเที่ยวสามารถนำขึ้นไปบนเครื่องได้ เหมือนกับของเหลวชนิดอื่นคือ ต้องไม่เกิน 100 มิลลิลิตร ดังนั้น ทางท่าอากาศยานเชียงใหม่ ก็จะมีการนำกระปุกสำหรับบรรจุน้ำพริกหนุ่มในขนาดดังกล่าว พร้อมติดสติกเกอร์ของโครงการ “พาน้ำพริกกลับบ้าน” 100 ML. ให้กับนักท่องเที่ยว แล้วแบ่งบรรจุลงในกระปุก เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้นำกลับบ้านได้บางส่วน และมีเงื่อนไขเพิ่มเติม หากสัมภาระที่นักท่องเที่ยวนำติดตัวเดินทางไม่มีของเหลวเลย ก็สามารถแบ่งและนำกลับไปได้ 10 กระปุก แต่หากมีของเหลวชนิดอื่น เช่น ยาสีฟัน 1 หลอด, ครีมทามือ 1 หลอด และน้ำยาบ้วนปาก 1 ขวด หรือของชนิดอื่นๆ ก็ต้องลดจำนวนของน้ำพริกที่จะนำกลับไป เพราะขนาดของเหลวทั้งหมดต้องไม่เกิน 10 ชิ้น

สำหรับมาตรการ การนำของเหลว เจล สเปรย์ (LAGs) ขึ้นบนห้องโดยสารอากาศยานสำหรับผู้โดยสาร ว่า ตามที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ ที่กำกับดูแลด้านการบินของไทย ได้ออกประกาศ “หลักเณฑ์การตรวจค้นของเหลว เจล สเปรย์ที่จะนำขึ้นบนห้องโดยสารอากาศยาน หรือเข้าไปในเขตหวงห้ามของสนามบินสาธารณะ พ.ศ.2562” เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2562 และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2562 นั้น ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานทุกแห่งในสังกัด บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท./AOT) รวมทั้งท่าอากาศยานทุกแห่งในประเทศไทย ได้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ซึ่งสาระสำคัญประการหนึ่งที่แตกต่างจากประกาศกรมการขนส่งทางอากาศ เรื่องข้อกำหนดเกี่ยวกับการนำของเหลว เจล สเปรย์ หรือวัตถุและสารอื่นๆ ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกันขึ้นในห้องโดยสารอากาศยาน ที่ประกาศและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 เป็นต้นมา ก็คือ การกำหนดคำนิยามของ “ของเหลว เจล สเปรย์” หมายรวมถึงของเหลวในรูปแบบต่างๆ เช่น น้ำ เครื่องดื่ม ซุป น้ำเชื่อม แยม สตูว์ ซอส น้ำพริก หรืออาหารอย่างอื่นที่อยู่ในซอส หรือที่มีส่วนประกอบเป็นของเหลวในปริมาณมาก ตลอดจนครีม โลชั่น เครื่องสำอาง น้ำมัน น้ำหอม หรือเจลในรูปแบบต่างๆ เช่น ยา ยาสีฟัน อาหาร ยาสระผม เจลอาบน้ำ หรือวัตถุหรือสารที่บรรจุในบรรจุภัณฑ์ที่มีแรงดันและต้องฉีดพ่นเพื่อนำออกมาใช้ เช่น สเปรย์ โฟม รวมถึงวัตถุหรือ สารที่มีส่วนผสมของของแข็งและของเหลว เช่น มาสคารา ลิปสติก หรือลิปปาล์ม ซึ่งผู้โดยสารสามารถนำของเหลวที่เข้าข่ายตามคำนิยามดังกล่าวไปกับอากาศยานได้ ในรูปแบบสัมภาระลงทะเบียน (โหลดใต้ท้องเครื่อง) แต่หากต้องการนำติดตัวขึ้นไปบนห้องโดยสารอากาศยาน จะต้องอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดสนิทและมีปริมาตรไม่เกิน 100 มิลลิลิตร โดยต้องมีข้อความระบุปริมาตรของบรรจุภัณฑ์อย่างชัดเจน

You may also like

เกษตรกร ชี้ซีพีเป็นรายเดียวเข้มนโยบายตรวจสอบย้อนกลับ ไม่รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ และที่มาจากการเผา

จำนวนผู้