รองนายกรัฐมนตรีเปิดเทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ ( Chiang Mai Design Week 2019) ยันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ยกระดับสินค้า บริการ เพิ่มมูลค่าต่อยอดธุรกิจ แนะทุกฝ่ายร่วมมือกันหยุดทะเลาะสร้างความแตกแยกเพื่อนำพาประเทศฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 ที่หอศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่ อ.เมืองเชียงใหม่ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดเทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ ( Chiang Mai Design Week 2019) ซึ่งสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์คื(องค์การมหาชน)สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีจัดขึ้น ภายใต้แนวคิด Better City, Better Living ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 15 ธันวาคม 2562 ที่จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณพื้นที่หลักย่านอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ อาทิ หอศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่ พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา สำนักงานยาสูบ และ TCDC เชียงใหม่ โดยมีนายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ,ดร.อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์, นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตลอดจนกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ,สหรัฐอเมริกา และจีน ประจำจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและภาคเอกชน และนักออกแบบร่วมงานเป็นจำนวนมาก
นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ถือว่าเป็นอีกเมืองที่มีนักออกแบบ และช่างฝีมือ ที่มีชื่อเสียง และทรงคุณค่าในงานศิลปะแขนงต่างๆ รวมตัวกันมากที่สุดจังหวัดหนึ่ง ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ ปี 2562 ที่มุ่งเน้นที่ต้องการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพกิจกรรมการท่องเที่ยวในชุมชนและท้องถิ่น เพื่อให้เชื่อมโยงสู่ระดับสากล รวมไปถึงกระตุ้นด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในจังหวัดให้กลับมาคึกคักในช่วงส่งท้ายปี 2562 ด้วยการนำงานออกแบบ สร้างสรรค์ มาเป็นจุดเด่นในการท่องเที่ยว เป็นการดึงเอาศักยภาพของจังหวัดให้โดดเด่นมากขึ้น อันจะเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของท้องถิ่น และประเทศ
ขณะที่ดร.อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กล่าวว่า เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ในปีนี้ จัดภายใต้แนวคิด “Better City, Better Living” เป็นการส่งเสริมการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อยกระดับวิถีชีวิต และรวมกันสร้างเมืองน่าอยู่ให้กับชาวเมือง เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ยังเป็นส่วนสำคัญของเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ยูเนสโก ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ได้รับการประกาศให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ในสาขาเมืองหัตถกรรม ซึ่งจะได้ร่วมชื่นชมกับทุนวัฒนธรรมที่หลากหลายของภาคเหนือ ในงานหัตถกรรมในสาขาต่างๆ ผ่านผลงานออกแบบ และการแสดงคุณค่าความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น จากคุณค่าวัสดุและทักษะฝีมือช่าง โดยมีผู้ร่วมจัดแสดงผลงานกว่า 500 ราย ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นคุณค่าที่ไม่อาจลอกเลียนแบบ เป็นจุดแข็งของกระบวนการผลิตสินค้าไทย ซึ่งสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) ถือเป็นภารกิจสำคัญที่จะการพัฒนาและส่งเสริมบุคลากรสร้างสรรค์และธุรกิจไทยให้นำความคิดสร้างสรรค์ ภูมิปัญญา ต่อยอดสินค้าและบริการให้ก้าวไกลได้ยิ่งขึ้น
ทางด้านดร.สมคิด จาตุรศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดีใจที่ได้มาเปิดงานเชียงใหม่ดีไซน์วีค 2019 ในครั้งนี้ ซึ่งตนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของนวัตกรรม เทคโนโลยี สินค้าและบริการมากมาย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุน เพื่อพัฒนาความคิด และยกระดับสู่สินค้าและบริการที่มีคุณภาพ นักสร้างสรรค์ทั้งหลายคือ นักคิด ที่จะสร้างความพิเศษ สร้างความแตกต่างและมีเอกลักษณ์และมูลค่าเพิ่มในสินค้าและบริการ ที่จะเป็นการส่งเสริมและสร้างความตื่นตัว จนสามารถต่อยอดไปสู่ธุรกิจ และพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่ความเป็นสากล นำมาซึ่งการสร้างรายได้ในระยะยาวต่อไป อย่างเทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ที่จัดทุกปีๆ นี้ เป็นปีที่ 5 แล้ว ระยะเวลาจัดงานรวม 9 วันสร้างรายได้ให้กับเมืองกว่า 960 ล้านบาท
“เมื่อวานนี้(29พ.ย.)ผมได้พบกับผู้บริหารของฮ่องกงซึ่งให้ความสนใจเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์มาก เพราะฮ่องกงเป็นศูนย์กลางสินค้าที่ใหญ่ด้วย ซึ่งฮ่องกงประทับใจความหลากหลายในการคิดและออกแบบสร้างสรรค์ของไทย และยังชักชวนให้ไปจัดแสดงนิทรรศการสินค้าที่ฮ่องกงด้วย ซึ่งผมเห็นว่าไม่ใช่แค่ลงนามแล้วรอแต่ผอ.ศูนย์เศรษฐกิจสร้างสรรค์จะต้องรีบไปคุยถึงรูปแบบการทำงานร่วมกัน เราต้องทำงานเชิงรุก โดยเฉพาะเรื่องครีเอทีพ ดีไซน์ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะเอานักศึกษาของไทยไปดูและแสดงฝีมืดด้วย”รองนายกรัฐมนตรี กล่าวและว่า
อย่างไรก็ตามความคิดสร้างสรรค์อย่างเดียวไม่ได้ จะต้องมีผู้ประกอบการด้วย เชียงใหม่เองจะเห็นว่ามีเด็กรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์เกิดขึ้นมากมาย มีร้านกาแฟเต็มไปหมดแต่ก็ขายได้ เพราะแต่ละร้านแต่ละแห่งมีจุดขาย มีการนำเสนอที่แตกต่างกันซึ่งล้วนเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของเด็กรุ่นใหม่ ซึ่ง Start up แบบนี้ที่ต้องส่งเสริม เช่นเดียวกันเทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ในครั้งนี้ ทำอย่างไรให้ต่อยอดและขยายไปยังจังหวัดอื่นๆ ได้ ทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนได้เข้ามาเห็นได้มาเซลฟี่ เชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก จะทำอย่างไรให้เมืองรองอย่างลำพูน ลำปาง แพร่ได้ประโยชน์ด้วย ต้องทำให้คนในท้องถิ่นได้รู้จักความคิดสร้างสรรค์ว่าในพื้นที่ของตนมีอะไรที่จะเอามานำเสนอ มาเป็นจุดขายและเพิ่มมูลค่า
เมื่อ 15 ปีก่อนผมทำเรื่องโอทอปให้ มาตอนนี้ที่เห็นเพิ่มมาก็เป็นโอทอปวิลเลจ ถามว่ามีอะไรใหม่น่าสนใจมั้ย ไปดูถนนคนเดินกองต้าที่ลำปาง มีแต่ถ้วยตราไก่ ขอให้ททท.ไปดูว่าจะทำอย่างไรให้เชื่อมโยงความคิดสร้างสรรค์กับการท่องเที่ยวเข้าด้วยกันได้บ้าง ซึ่งผมเชื่อว่าใน 4-5 ปีข้างหน้าจะมีหมู่บ้านโอทอปเกิดขึ้นทั่วประเทศ และเป็นจุดที่ดึงนักท่องเที่ยวเข้าไปสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชนด้วย
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปอีกว่า ที่ผ่านมารัฐบาลส่งเสริมไปหลายๆ เรื่อง ดูที่ป่าซาง ลำพูน แพร่ น่าน ล้วนจัดกิจกรรมส่งเสริมไปแล้วแต่ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าเป็นลักษณะต่างคน ต่างทำ ต่างคน ต่างอยู่ ทำไมไม่ดูอย่างญี่ปุ่น ทำไมคนชอบไปญี่ปุ่นไปแล้วมีความสุขๆ ที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ทานอาหาร แต่เป็นเพราะเราชื่นชอบในวัฒนธรรมที่เขานำเสนอออกมา มาดูของไทยเราๆ มีวัฒนธรรมมหาศาล เป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีอิทธิฤทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ ถ้าผมยังอยู่ผมจะทำให้เกิดมูลค่ามากๆ ขึ้นแต่ทุกฝ่ายจะต้องมาช่วยด้วยไม่ใช่ให้ผมคิดและทำอยู่คนเดียว และอยากให้มีคนรุ่นใหม่มาสานต่อ อนาคตความยากจนก็จะลดน้อยลง ความขัดแย้งก็จะลดลงด้วย จะมาทะเลาะกันทำไม แต่มาช่วยกันคิดสร้างสรรค์ให้พื้นที่ยั่งยืน ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม สร้างสิ่งที่ดีงาม รักษาเอกลักษณ์ของไทย นำสิ่งประทับใจที่เคยมีกลับมา
ดร.สมคิด ยังกล่าวด้วยว่า เชียงใหม่มีศักยภาพมากและพร้อมทุกอย่าง มีศิลปะวัฒนธรรม มีนักคิดสร้างสรรค์มาก เพียงแต่จะแปลงความคิดไปสู่การพัฒนาเป็นสินค้าบริการที่มีคุณค่าอย่างไร สิ่งเหล่านี้ตลาดต้องการมากแต่เขาทำไม่เป็น ดึงไปสู่การพัฒนาท้องถิ่นที่ทำออกมา อาทิ การทำผ้าโคมแสนดวง ให้คนในพื้นที่และคนแก่แม้จะติดเตียงผลิตออกมาได้เลย นำนักท่องเที่ยวไปชื่นชมคิดดูว่าจะไม่ซื้อได้อย่างไร เพิ่มมูลค่าจากสิ่งที่ไม่ง่ายในการผลิตจากท่องเที่ยวชุมชนหรือเมืองรอง เกิดการสร้างงานรายได้ โดยเฉพาะสินค้าจากการเกษตรนำมาต่อยอด ทั้งงานคราฟท์ ผ้า งานปัก ทำให้สวยงามน่าสนใจ ไม่ต้องห่วงเรื่องงบประมาณเพราะไม่ใช่ต้นเหตุ แต่เราต้องนำคนที่มีความคิดสร้างสรรค์เข้าไปช่วยคนที่มีฝีมือให้เกิดสินค้าที่ขายได้
รองนายกรัฐมนตรี ยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมกับสื่อมวลชนด้วยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เพิ่งออกมาเพียงพอแล้ว และไม่จำเป็นจะต้องมีมาตรการอะไรออกมาอีก แม้จะมีการปรับลดจีดีพี ลงอยู่ที่ 2.4-2.5 ซึ่งไม่ได้ถือว่าย่ำแย่มาก เพียงแต่หาทางประคองไม่ให้เศรษฐกิจมันทรุดลง และหาทางสร้างรายได้ให้มากขึ้นด้วยความหลากหลายของเราเอง และลดความขัดแย้งทะเลาะกัน ทั้งในสภาฯและนอกสภา ส่วนเรื่องของสงครามการค้าเป็นเรื่องระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาซึ่งกระทบการส่งออกทั่วโลก ประเทศไทย 70 % จีดีพีมาจากการส่งออกจะไม่ให้ได้รับผลกระทบได้อย่างไร
“หากนักท่องเที่ยวเราเข้ามา 40 ล้านคน และเราสามารถให้เขาเข้าท่องเที่ยวเมืองรองตามชนบทได้ อะไรจะตามมา การจ้างงานสร้างรายได้ มีนักท่องเที่ยวมาใช้จ่ายทำให้เราประคองตัวไปได้ ผมคิดว่าถ้าไม่จำเป็นช่วงนี้เราควรจะปรองดอง ช่วยกันร่วมมือกันทั้งรัฐบาล รัฐสภาทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ทุกประเทศตอนนี้เขาเน้นตรงนี้กันทั้งนั้น เพราะทุกประเทศกระทบ สิงคโปร์เหลือแค่ 0.1 % จีดีพี เป็นเรื่องใหญ่นะ แต่ของเรามีภาคเกษตร ภาคท่องเที่ยว ภาคบริการ แน่นอนต้องอาจมีการชะลอตัวลง คนอาจจะว่างงานชั่วคราวแต่เมื่อเศรษฐกิจฟื้นกลับมาใหม่ การจ้างงานก็จะกลับมาเพราะฉะนั้นตอนนี้ต้องประคองและร่วมมือกัน รัฐบาลก็จะขับเคลื่อนโครงการเม็กกะโปรเจค เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับภาคเอกชนเพื่อจะได้เดินไปพร้อมๆ กัน”รองนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจง.