เชียงใหม่ส่อวืด 46 โครงการสำคัญไม่เข้าครม.ผู้ว่าฯแจงเสนอผ่านทางกระทรวงค าดหลายโครงการจะได้รับการพิจารณาโดยเฉพาะระบบขนส่งมวลชน ยอมรับสนามบินแห่งที่ 2 ไร้วี่แววขณะที่นายกรัฐมนตรีย้ำยังไม่มีการเห็นชอบ แต่รับว่าอาจจะพิจารณาให้ได้บางโครงการ ชี้อุปสรรคสำคัญอยู่ที่งบประมาณ ด้านปลัดคมนาคม เผยนำแผนขยายถนนเชียงใหม่-พร้าวเข้าแปรญัตติงบฯปี 59 ขณะที่รองผอ.สนข.ขอรอผลการศึกษาระบบTRAM ของพิงคนครไปปรับเข้ากับแผนแม่บท

เชียงใหม่ส่อวืด 46 โครงการสำคัญไม่เข้าครม.ผู้ว่าฯแจงเสนอผ่านทางกระทรวงค าดหลายโครงการจะได้รับการพิจารณาโดยเฉพาะระบบขนส่งมวลชน ยอมรับสนามบินแห่งที่ 2 ไร้วี่แววขณะที่นายกรัฐมนตรีย้ำยังไม่มีการเห็นชอบ แต่รับว่าอาจจะพิจารณาให้ได้บางโครงการ ชี้อุปสรรคสำคัญอยู่ที่งบประมาณ ด้านปลัดคมนาคม เผยนำแผนขยายถนนเชียงใหม่-พร้าวเข้าแปรญัตติงบฯปี 59 ขณะที่รองผอ.สนข.ขอรอผลการศึกษาระบบTRAM ของพิงคนครไปปรับเข้ากับแผนแม่บท

- in headline, จับกระแสสังคม

นายสุริยะ ประสาทบัญฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้นำเสนอโครงการสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2558 โดยได้นำเสนอผ่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เช่น รมว.คมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงสาธารณสุขและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

นายกรัฐมนตรีได้พูดเรื่องทำอย่างไรให้ประชาชนได้ประโยชน์ โครงการนำร่องต่างๆ ทำอย่างไรให้ชาวบ้านได้จริง ได้ประโยชน์จริง ศูนย์ต่างๆให้ชาวบ้านมาเรียนรู้และไปใช้ ไม่ใช่จะให้แต่ชาวบ้านอย่างเดียว ซึ่งนิทรรศการทีจัดแสดงวันนี้ 27 หน่วยงานนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสนใจทุกบูธ ซึ่งภาพรวมการประชุมครม.นอกสถานที่ครั้งนี้ดีมาก ไม่มีปัญหาอะไร โดยนายกรัฐมนตรีให้เชื่อมโยงและรักษาป่าระหว่างโครงการกำลังเดินจะต้องเชื่อมโยงได้ทั้งภัยแล้ง เชื่อมเขื่อนแม่แตง แม่งัดฯและแม่กวง ซึ่งจะสร้างอุโมงค์ผันน้ำใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 10 ปี แต่ระหว่างนี้จะต้องให้ชาวบ้านต้องมีแหล่งน้ำไว้ใช้ประโยชน์ในการเกษตร ต้องทำแก้มลิง เอาลำน้ำขุดลอกคูคลองเพื่อให้เก็บกักน้ำ โดยระหว่างทำโครงการใหญ่ก็ให้จังหวัดทำโครงการเล็กๆ บรรเทาความเดือดร้อนให้ชาวบ้านไปก่อน

ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนในจังหวัดเชียงใหม่ ก็ได้บอกพล.อ.ประจิณ จั่นตอง รมว.คมนาคม ให้มาดูและทำให้เกิดผลทางปฏิบัติ โดยเฉพาะรถ TRAM ที่จังหวัดเชียงใหม่ได้ศึกษาเป็นระบบรถไฟฟ้า ใช้พื้นที่จราจรร่วมกับรถทั่วไปไม่ได้ทำพื้นที่พิเศษ ซึ่งระบบที่เสนอไปก็เพื่อพัฒนาระบบขนส่งมวลชนของจังหวัดเชียงใหม่ ให้เชื่อมโยงและรองรับระบบรถไฟความเร็วสูง (กรุงเทพฯ-เชียงใหม่)ตามนโยบายของรัฐบาลและเพื่อวางระบบขนส่งมวลชนในจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งยังไม่มีระบบขนส่งมวลชนอย่างแท้จริงให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ ของจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง และเพื่อดำเนินการออกแบบระบบขนส่งมวลชนของจังหวัดเชียงใหม่เพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม“แม้ประชุมครม.ครั้งนี้ไม่มีวาระพิเศษของจังหวัดเชียงใหม่ และไม่มีโอกาสเข้าร่วมประชุม แต่ก็ได้ประสานรัฐมนตรีเจ้าสังกัดแต่ละกระทรวง ซึ่งโครงการทั้งหมด 46 โครงการ วงเงินประมาณ 8,700 ล้านบาทที่ขอไป จากการพูดคุยกันไปแล้วคาดว่าน่าจะสำเร็จได้ประมาณ 50% โดยเฉพาะในส่วนของกระทรวงคมนาคมท่านรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมการจราจรทางบก(คจร.)ก็จะตั้งงบประมาณเพือศึกษาออกแบบตามที่เสนอ เพือต่อยอดระบบที่ศึกษา รวมถึงโมโนเรลที่มีผู้เสนอพื้นที่คลองชลประทานของกรมชลฯที่บางช่วงสามารถทำได้ แต่จะเชื่อมโยงรอบๆ เพราะเขตชลประทานในเมืองได้ทำเป็นทางจักรยานไปแล้ว”นายสุริยะ กล่าวและชี้แจงอีกว่า

1 ต.ค.2559 สำนักงานนโยบายและแผนจราจรและการขนส่ง(สนข.)ก็จะมาดำเนินการตามที่รมว.คมนาคมสั่งการ ซึ่งเงินลงทุนเบื้องต้นที่หารือไว้คือให้ท้องถิ่นระดมทุนส่วนหนึ่ง และจากรัฐบาลส่วนหนึ่งและอีกส่วนอาจจะมีองค์กรต่างประเทศเข้ามาร่วมทุนด้วย ส่วนโครงการศึกษาการก่อสร้างสนามบินนานาชาติแห่งที่ 2 ไม่ได้มีการพูดถึงซึ่งอาจจะยังไม่มีการพิจารณาในเรื่องนี้ แม้ทางจังหวัดจะเสนอขอให้กระทรวงฯมาศึกษาก็ตาม

ด้านนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงคมนาคมได้เสนอเรื่องรถไฟความเร็วสูงต่อนายกรัฐมนตรีซึงเป็นเส้นทางที่สนข.ออกแบบรายละเอียดไว้หมดแล้วตั้งแต่ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ 672 กิโลเมตร และอยู่ในขั้นศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งเมื่อญี่ปุ่นจะมาลงทุนรัฐต่อรัฐก็จะมาตรวจสอบแบบใหม่ทั้งหมดว่าสอดคล้องกับระบบของญี่ปุ่นหรือไม่ ซึ่งหากญี่ปุ่นไม่ได้ออกจากแนวเดิมและใช้สถานีเดิมตามที่ศึกษาไว้ 10 สถานีและความเร็ว 250 กิโลเมตรใช้เวล 1.20 ชั่วโมง ถ้าหยุดทุกสถานี แต่ถ้าเป็นรถด่วน 2.50 ชั่วโมงซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนพูดคุยกับทางญี่ปุ่น

ส่วนเรื่องที่จังหวัดเชียงใหม่เสนอมีประมาณ 10 โครงการ โดยเฉพาะเรื่องโครงการก่อสร้างทางที่มีความสำคัญกับทางจังหวัดเชียงใหม่คือจากโรงพยาบาลสันทราย-พร้าว ซึ่งเป็นถนน 2 ช่องทางจราจร  แต่มีโรงพยาบาลและมหาวิทยาลัยแม่โจ้ รวมทั้งหมู่บ้านเอื้ออาทร  โดยจะขยายเป็น 4 ช่องทางจราจรงบประมาณ 800 ล้านบาทซึ่งไม่ต้องเวนคืนก็จะขอแปรญัตติในปีงบประมาณ 2559 นี้

นอกจากนี้ยังมีเส้นเลี่ยงเมืองแม่ริม เส้นทางหลวงเชียงใหม่-เชียงราย และอีกเส้นทางคือจากแยกกองบิน 41 เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรที่แออัดโดยการขยายระยะเวลาผ่านกองบินฯจากเดิมที่ถึง 2 ทุ่มและเป็น 4 ทุ่มโดยจะเริ่มในสัปดาห์นี้ และจะก่อสร้างทางจากแยกกองบินมาทางถนนนิมมานเหมินทร์ ระยะทาง1.3 กม.ช่วงแรกมีงบฯ 30 ล้านบาทเริ่มสร้างปีนี้มีการปรับปรุงเส้นทางให้สวยงามและปี 2559 กรมทางหลวงจะใช้เงินเหลือจ่ายอีก 100 ล้านบาทปรับปรุงจากรินคำไปถึงแยกสาธารณสุขอีกช่วงหนึ่ง

ขณะที่นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า ทางสนข.จะขอรอดูผลการศึกษาระบบขนส่งมวลชนที่สำนักงานพัฒนาพิงคนครได้ว่าจ้างสถานศึกษาให้ศึกษาก่อน เพราะขณะนี้ผลการศึกษายังไม่เรียบร้อย ซึ่งจะขอดูรายละเอียดว่ามีการศึกษาถึงขั้นตอนไหน รูปแบบเป็นอย่างไร เพื่อจะได้เอามาปรับทีโออาร์ให้เข้ากันกับของสนข. เพราะทางจังหวัดเชียงใหม่เสนอขอให้ทางกระทรวงคมนาคม โดยสนข.ศึกษาเพื่อออกแบบรายละเอียดระบบขนส่งมวลชนแบบ TRAM ซึ่งเดิมสนข.มีแผนที่จะศึกษาและออกแบบระบบขนส่งมวลชนซึ่งเป็นแผนระยะยาว แต่จังหวัดอยากให้ออกแบบเลยโดยไม่ต้องมีการศึกษาอีกเพราะที่ผ่านมามีการศึกษาไปมากแล้ว แต่ตอนนี้ในส่วนของพิงคนครเองก็ยังศึกษาไม่เสร็จ

“จริงๆ สนข.ก็ไม่อยากจะให้มีการศึกษาซ้ำซ้อน เพราะไม่เกิดประโยชน์ โดยระบบขนส่งมวลชนที่จะออกแบบนี้จะให้มีการเชื่อมโยงระบบทั้งหมดทั้งเชื่อมโยงกับรถไฟความเร็วสูงและการเชื่อมโยงระบบขนส่งมวลชนระหว่างจังหวัดและภายในตัวจังหวัดด้วย โดยดูทั้งโครงข่ายและรายละเอียดทั้งหมดซึ่งจะบรรจในแผนงบประมาณปี 2559 นี้”รองผอ.สนข.กล่าว

อย่างไรก็ตามภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2558 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนโดยกล่าวว่า การประชุมครม.นอกสถานที่จะไปทุกภาคของประเทศ เพื่อจะได้เห็นพัฒนาการ เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งเวลาไปต่างประเทศก็จะทำอย่างนี้ เพื่อเปรียบเทียบและหาหนทาง แต่ปัญหาของไทยคือความยากจน อย่างศูนย์ประชุมฯนี้โก้หรูมากแต่ชาวบ้านผู้มีรายได้น้อยไม่สามารถมาใช้บริการได้ แต่ทำอย่างไรจะยกระดับและทำให้เกิดความเข้มแข็งแม้จะไม่สามารถทำให้ทัดเทียมกันได้ แต่รัฐก็ต้องทำให้เกิดความเท่าเทียมในเรื่องการใช้จ่ายและใช้ทรัพยากรอย่างเป็นธรรมและทั่วถึงสำหรับการประชุมครั้งนี้มีวาระเพื่อพิจารณาไม่มาก จุดประสงค์ของการประชุมครม.นอกสถานที่ก็เพื่อพบปะ เยี่ยมเยือนและรับฟังปัญหา โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องบริหารจัดการซึ่งบางทีต้องจำเป็นมาพูดคุยกับหน่วยงานในพื้นที่ เพราะบางครั้งที่รัฐบาลสั่งการและกำหนดนโยบายมา 5 กลุ่มงานมีเรื่องอะไรบ้าง วันนี้เน้นเรื่องบริหารจัดการน้ำทั้งระบบโดยเริ่มตั้งแต่ต้นน้ำ โดยเฉพาะพื้นที่ป่า ซึ่งสมัยก่อนน้ำก็ไหลลงเขื่อนแต่ตอนนี้ก็ให้ไปสำรวจพบป่ามีน้อยลง น้ำก็ไหลลงเขื่อนน้อย

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้มีการปรับแก้เรื่องหาแหล่งน้ำโดยขุดบ่อน้ำบาดาล จากแผนเดิม 500 บ่อก็ให้เพิ่มเป็น 1,000 บ่อ ซึ่งบาดาลจริงๆ ไม่ได้เอาไปใช้การเกษตรแต่เมื่อปลูกพืชไปแล้วก็ต้องช่วย แต่ส่วนที่ยังไม่ได้ปลูกข้าวในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยาก็ต้องไปดู ซึ่งก็ต้องบริหารจัดการตั้งแต่ตอนนี้ทั้งส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อย การจัดโซนนิ่ง เพราะขณะนี้มีพื้นที่การเกษตรในเขตชลประทานประมาณ 10 ล้านไร่ที่ต้องสร้างใหม่จากเดิม 30 ล้านไร่ จากพื้นที่เพาะปลูกทั่วประเทศ 137 ล้านไร่จะทำการเพาะปลูกได้แค่ 40% เท่านั้นเอง

“ต้องไปดูแล้วว่าถ้าหากน้ำต้นทุนไม่พอจะทำอย่างไร ดังนั้นจึงต้องโซนนิ่ง กำหนดดีมาน ซัพพลาย ไปเพิ่มแปรรูปให้มากขึ้น โดยเชือมโยงไปยังชุมชน จังหวัด ภูมิภาค อาเซียนและประชาคมโลก ต้องสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศไทยก่อน ส่วนเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานก็ต้องเริ่มจากที่สามารถดำเนินการได้ก่อน หากไม่ทันก็ต้องไปเริ่มในรัฐบาลต่อไปเนื่องจากต้องใช้งบประมาณสูงและต้องศึกษาวิจัย แต่ที่ปีนี้ที่ทำได้คือเส้นทางรถไฟเชื่อมไทย-จีนและต่อไปก็จะเดินหน้าเพราะได้เริ่มคุยกับทางญี่ปุ่นในเรื่องเส้นทางรถไฟสายเหนือ ส่วนทางคู่ในประเทศจะใช้งบประมาณของเราเองแต่เป็นเรื่องอนาคต เพราะไม่ใช่ว่างบประมาณ 3.3 ล้านล้านบาทจะต้องทำให้เสร็จภายในรัฐบาลนี้ และทุกแผนงานโครงการก็เน้นความโปร่งใส”นายกรัฐมนตรี กล่าวและชี้แจงอีกว่าส่วนเรื่องที่ทำกินจะทำทุกภาค แต่เริ่มก่อนที่ต.แม่ทา อ.สันกำแพงซึ่งเชียงใหม่มีหลายพื้นที่ที่จะจัดสรรที่ดินทำกินให้กับเกษตรกรแต่ไม่ให้กรรมสิทธิ์ แต่ยกเว้นพื้นที่ป่าต้นน้ำ สว่นนายทุนที่เข้าไปบุกรุกจะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด การแก้ปัญหาจำเป็นต้องใช้เวลา

“ผมขอชื่นชมนะ ภาคเหนือ โดยเฉพาะเชียงใหม่เป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมยาวนาน บ้านเมืองสวยงาม อากาศดี การท่องเที่ยวก็ดีมาก ซึ่งตอนนี้สิ่งเดียวที่จะนำรายได้เข้าประเทศคือการท่องเที่ยว เนื่องจากทั่วโลกประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจ โรคระบาดและยังมีปัญหาความขัดแย้งจึงทำให้นักท่องเที่ยวหันมาประเทศไทย ซึ่งเราพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางทุกๆ อย่างทั้งการรักษาพยาบาล เป็นฮับเกี่ยวกับการท่องเทียว แต่ต้องสร้างการเชื่อมโยงให้ได้โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและสร้างความรัก สามัคคี โดยให้ชุมชนสามารถมีรายได้และมีส่วนร่วมด้วย”นายกรัฐมนตรี กล่าวและว่า

รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาที่ทับซ้อน หมักหมมานาน ทั้งความปลอดภัย การบริหารจัดการ ที่จอดรถและปัญหาห้องน้ำ ห้องส้วม ซึ่งต้องใช้เวลา จากนี้จะไปพิษณุโลกซึ่งเหนือตอนกลางและล่างมีปัญหาเรื่องแล้ง ต้องดูว่า จะปรับงบประมาณไปช่วยเหลืออย่างไร แต่ขอฝากชุมชนเมืองให้ใช้น้ำอย่างประหยัดให้นึกถึงเกษตรกรด้วย เพราะ 70% ของ GSP มาจากภาคการเกษตร ซึ่งตนได้ย้ำเสมอว่าเวลาจัดงานอะไรข้าราชการต้องทำให้ประชาชนเห็นก่อนว่าประชาชนจะได้ประโยชน์อย่างไร จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนเกษตรกรต้องได้เรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ช่วงนี้มีปัญหาแบบนี้จะปรับเปลียนอย่างไร ดำรงชีวิตโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช่จะมาเรียกร้องเอากับรัฐบาลอย่างเดียว รัฐบาลจะเอาเงินมาจากไหน เพราะรัฐบาลมีรายได้เท่าเดิม ภาษีก็เก็บไม่ได้หมดเนื่องจากขายสินค้าไม่ได้ เพราะสินค้าไม่มีการพัฒนา ไม่ใช้นวัตกรรม ซึ่งก็ต้องแก้ไขไป และให้มองยุทธศาสตร์ประเทศหลังปี 2560 เนื่องจากตนจะทำถึงแค่งบประมาณปี 2559 จากนั้นรัฐบาลใหม่ก็ต้องทำต่อ จะทำหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนจะเลือกตั้งคนที่เข้ามา

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงโครงการสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ที่เสนอต่อรัฐบาลว่า แต่ละกระทรวงก็จะไปพิจารณาตามแผนงานโครงการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทุกจังหวัดก็เสนอเข้าไปโดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่จะส่งแผนงานโครงการเข้าไป อย่างที่ไปประชุมครม.สัญจรครั้งแรกบางโครงการก็รับได้แต่บางโครงการก็ต้องชะลอไว้ก่อน ไม่ใช่เชียงใหม่เสนอ 46 โครงการก็อนุมัติหรือเห็นชอบทั้งหมดก็ต้องไปดูรายละเอียดกันแต่เมื่อครม.สัญจรมาพื้นที่แล้วก็จำเป็นต้องให้บ้าง แต่ก็ต้องดูศักยภาพด้วย เพราะบอกไปหลายครั้งแล้วว่าจะทำอะไรก็ได้หากมีรายได้เข้าประเทศดี จะได้ยกระดับรายได้ของประชาชน ข้าราชการ แต่เมื่อรายได้ยังเป็นเช่นนี้ ยังต้องตั้งงบฯขาดดุลเพื่อใช้หนี้อยู่ก็ต้องดูเหตุผลและความจำเป็น

“โครงการที่เสนอใช้งบประมาณค่อนข้างมาก แต่รัฐบาลยังไม่มีหนทางหารายได้เพิ่ม เพราะรัฐบาลเข้ามาตอนเศรษฐกิจโลกกำลังแย่ แต่รายได้หรืออาชีพที่ทำรายได้ดีหายไปตอนนี้ไม่มีเพราะเราจัดระเบียบสังคมใหม่ จะปล่อยให้เละเทะเหมือนเดิมไม่ได้ ที่ผ่านมาถูกบิดเบือนจากประชานิยมและคะแนนเสียงและเป็นต้นตอของความขัดแย้ง การบังคับใช้กฎหมายไม่ทั่วถึงจึงต้องมาปฏิรูปกันใหม่ ซึ่งก็สองปีแล้วที่เข้ามาแก้ไข”นายกรัฐมนตรี กล่าวและชี้แจงถึงเรื่องของระบบขนส่งมวลชนที่จังหวัดเชียงใหม่เสนอขอรับการสนับสนุนว่า ทางกระทรวงคมนาคมก็จะเอาไปพิจารณาบรรจุในแผนงบประมาณปี 2559 ซึ่งประชุมครั้งนี้ยังไม่มีการเห็นชอบเนื่องจากยังไม่เห็นรายละเอียดโครงการ แต่ถ้าอยู่ในแผนงานของกระทรวงฯจริงก็ทำไป เนื่องจากอยู่ในวาระเสนอแผนงบประมาณประจำปี ซึ่งก็ต้องผ่านการจัดทำงบประมาณ ตั้งกรรมาธิการ และเอาเข้าครม.พิจารณาอีกทีว่าเหมาะสมหรือไม่ แล้วก็แปรญัตติ และปรับแผนให้สอดคล้องกับงบประมาณที่มี  ปัญหาอยู่ที่งบประมาณเพราะระบบ TRAM ที่เสนอต้องใช้เงินสูงถึง 1 หมื่นล้านบาทจะไปเอางบประมาณมาจากไหน ซึ่งการที่จะมีระบบขนส่งมวลชนนะเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องผ่านการศึกษาก่อน ซึ่งมีการศึกษาร่วมกันมาแล้วแต่ติดปัญหาอยู่ที่ยังไม่มีงบประมาณ”นายกรัฐมนตรี กล่าว.

You may also like

SUN และ EXE มอบอาหารช่วยผู้ลี้ภัยชายแดนเมียนมา

จำนวนผู้