ไฟไหม้ป่าดอยหลวงเชียงดาวลามหนัก 9 จังหวัดเหนือจุดความร้อนพุ่งกว่า 3 พันจุด

ไฟไหม้ป่าดอยหลวงเชียงดาวลามหนัก 9 จังหวัดเหนือจุดความร้อนพุ่งกว่า 3 พันจุด

เชียงใหม่-มลพิษหมอกควันภาคเหนือยังวิกฤติ พบจุดฮอตสปอตเพิ่มขึ้นกว่า 3,000 จุด ดอยหลวงเชียงดาวระอุไฟลามป่าย่อยยับ  ผู้ว่าฯจี้ทุกอำเภอเร่งดับไฟป่า 
สถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันพื้นที่ภาคเหนือตอนบนยังคงวิกฤติ แม้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก pm 2.5 ไมครอนยังสูงเกินมาตรฐานและส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยดัชนีคุณภาพอากาศของเชียงใหม่ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงอยู่ที่ 110-239 ไมโครกรัมต่อลบ.ม.และค่าpm2.5 อยู่ระหว่าง 54-129 ไมโครกรัมทต่อลบ.ม.แต่จุดความร้อน หรือHot Spot ที่เกิดจากไฟป่า ยังคงเพิ่มขึ้นเฉพาะ9 จังหวัด 3,088 จุด โดยมากสุดที่จ.แม่ฮ่องสอน 981 จุดและเชียงใหม่ 615 จุดโดยเฉพาะในพื้นที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งพบว่าไฟป่าได้ลุกลามในเขตพื้นที่ดอยหลวงเชียงดาวขยายเป็นวงกว้าง
ล่าสุดเช้าวันนี้ ( 1 เม.ย.) นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ ได้แถลงข่าวผลการการปฏิบัติการของศูนย์บัญชาการเหตุการณ์แก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า จ.เชียงใหม่ ต่อสื่อมวลชนว่า หลังจากวานนี้ได้ประชุมหารือร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา โดยเตรียมระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 2 พันนาย สนธิกำลังร่วมกับทหาร และตำรวจ ลงพื้นที่เพื่อดับไฟป่า รวมทั้งนำเฮลิคอปเตอร์บรรทุกน้ำเข้ามาดับไฟป่าในพื้นที่ภูเขาสูง ซึ่งการปฎิบัติงานย้ำอยู่ตลอดเวลาว่า ต้องหยุดปัญหาการเผาป่าให้ได้ เบื้องต้นวันนี้ได้เรียกประชุมนายอำเภอทั้ง 25 อำเภอ เพื่อเน้นย้ำ 3 เรื่องคือ การยุติไฟป่าให้หมดไปจากพื้นที่ การลดภาวะฝุ่นละอองโดยการเพิ่มความชุ่มชื้นให้อากาศต่อเนื่อง และการดูแลสุขภาพของประชาชน ที่ผ่านมาได้จัดตั้งเซฟตี้โซนขึ้นที่อาคารเอสเอ็มอี ภายในศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จ.เชียงใหม่
ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้อำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ต่างๆ จัดตั้งเซฟตี้โซนเพิ่มเติม เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามาใช้บริการ นอกจากนี้ได้ประสานไปยังศึกษาธิการจังหวัด เพื่อสั่งการให้ทุกโรงเรียนตรวจสอบเรื่องสุขภาพของนักเรียน หากพบมีนักเรียนเจ็บป่วยจากผลพวงของมลพิษหมอกควัน ก็ให้นำนักเรียนไปพบแพทย์ทันทีเพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาอาการป่วย ส่วนการออกปฏิบัติการดับไฟป่าที่เกิดขึ้น จะต้องรายงานผลการปฏิบัติงานให้จังหวัดทราบทุกครั้ง ที่ผ่านมาก็สามารถดับไปได้หลายจุด แต่ก็ยังมีไฟป่าเกิดขึ้นอยู่ จึงต้องดำเนินการให้ต่อเนื่อง โดยจังหวัดกำหนดแผนปฏิบัติงานไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายนเพื่อยับยั้งปัญหาไฟป่าให้ได้
สำหรับจุดความร้อน หรือ ฮฮตสปอตจากการไฟป่า ที่ดาวเทียมตรวจพบยังมีขึ้น-ลงทุกวัน โดยวันที่ 29 มี.ค. พบ 53 จุด วันที่ 30 มี.ค. พบ 131 จุด และวันที่ 31 มี.ค. 152 จุด ส่วนเช้าวันนี้พบจุดฮอตสปอตเพิ่มขึ้น จึงโทรศัพท์ด่วนไปยังนายอำเภอทุกอำเภอให้เร่งเข้าไปดับไฟป่าและรายงานเข้ามาภายในช่วงเที่ยงวันนี้ ซึ่งจุดฮอตสปอตที่เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่ายังมีไฟป่าเกิดในพื้นที่ แต่จากการตรวจสอบไฟป่าที่เกิดขึ้นยังกินพื้นที่ไม่มากนักประมาณ 5 – 10 ไร่ มากที่สุดคือ 30 ไร่
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า พื้นที่ที่น่าเป็นห่วงและต้องพยายามรักษาแนวเขตไว้ คือ อ.เชียงดาว เพราะไฟป่าเกิดขึ้นบนภูเขาสูงที่เป็นชะง่อนผา กำลังคนจึงไม่สามารถดเข้าไปยังจุดที่เกิดไฟป่าได้ ต้องประสานให้เฮลิคอปเตอร์บรรทุกน้ำเข้าไปดับไฟป่า ทั้งนี้สำหรับการประกาศภาวะภัยพิบัติกรเพื่อสนับสนุนในเรื่องของงบประมาณและสรรพกำลัง ซึ่งจริงๆ ขณะนี้ไม่มีปัญหาในการจัดการด้านงบประมาณ เพระามีหลายหน่วยงานทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งกองทัพภาคที่ 3 เข้ามาช่วยสนับสนุนการทำงาน ขณะเดียวกันที่ผ่านมาจังหวัดก็ได้ออกประกาศเรื่องปัญหาหมอกควันและไฟป่าซึ่งครอบคลุมทุกประเด็นอยู่แล้ว
ส่วนผลกระทบด้านการท่องเที่ยว จากการประเมินสถานการณ์พบว่ายังมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเป็นปกติ ส่วนผลกระทบอาจเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย เช่น เที่ยวบินจากต่างประเทศที่บินเข้ามาไม่สามารถลงจอดที่สนามบินเชียงใหม่ได้ จึงเปลี่ยนไปลงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแทน แต่หลังหมอกควันจากก็สามารถบินกลับมาลงที่สนามบินเชียงใหม่ได้
นายศุภชัย กล่าวด้วยว่า ไฟป่าที่เกิดขึ้นในขณะนี้สาเหตุหลักเกิดจากฝีมือมนุษย์ จึงต้องพยายามทำความเข้าใจและสร้างความรับรู้ให้ประชาชนทราบถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับคนเผาป่า โดยนอกจากแผนระยะสั้นที่ดำเนินการในห้วงภาวะวิกฤตินี้แล้ว จังหวัดยังมองถึงแผนระยะปานกลาง และระยะยาวที่จะแก้ปัญหาฟป่าและหมอกควันอย่างยั่งยืนไว้แล้ว โดยหลังจากนี้จะมีการตั้งคณะทำงานร่วมที่มีส่วนราชการ ภาควิชาการ เอกชน และประชาชนเข้าร่วมเพื่อวางแผนการทำงานต่อไป

You may also like

SUN ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ในรูปแบบ Hybrid Meeting

จำนวนผู้